รอยเตอร์ - ชาวอังกฤษกว่า 35,000 คนลงชื่อเรียกร้องทางอินเทอร์เน็ตเพื่อห้าม โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ฝั่งรีพับลิกันเข้าประเทศของพวกเขา หลังจากที่เศรษฐีอสังหาริมทรัพย์รายนี้เสนอห้ามชาวมุสลิมเข้าสหรัฐฯ
ในการตอบสนองต่อเหตุกราดยิงนองเลือดในแคลิฟอร์เนียโดยฝีมือชาวมุสลิม 2 คนที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่าถูกปลุกปลั่น ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีการปิดกั้นไม่ให้ชาวมุสลิมเข้ามายังสหรัฐฯโดยสมบูรณ์ “จนกว่าผู้แทนของประเทศเราจะสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมากกว่านี้”
หลังจากถูกประณามจากทั่วโลก เมื่อวานนี้ (8) ทรัมป์ได้ปกป้องข้อเสนอของเขาโดยระบุว่ามันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าข้อเสนอของประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี รูสเวลต์ ผู้ที่กำกับดูแลการกักขังคนกว่า 110,000 คนในค่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายหลังกองทัพญี่ปุ่นทิ้งระเบิดใส่ท่าเรือเพิร์ลฮาเบอร์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมปี 1941
“สหราชอาณาจักรเคยห้ามบุคคลมากมายเข้าประเทศมาแล้วจากการพูดที่สร้างความเกลียดชัง” เนื้อหาในคำร้องดังกล่าวระบุ
“หากสหราชอาณาจักรจะใช้เกณฑ์ “พฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้” กับผู้ที่ต้องการจะเข้ามายังพรมแดนของตนต่อไป มันต้องถูกนำไปใช้อย่างเสมอภาคกับคนรวยและคนจน คนอ่อนแอและคนมีอำนาจ”
กระทรวงมหาดไทยอังกฤษมีอำนาจในการห้ามไม่ให้บุคคลเข้าประเทศหากพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่รัฐบาลระบุว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ ในอดีตมีบุคคลหลายคนถูกห้ามจากการที่พวกเขาสร้างความเกลียดชังที่อาจกระตุ้นความรุนแรงระหว่างชุมชน
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (9) คำร้องดังกล่าวดึงดูดรายชื่อได้ 35,827 รายชื่อ และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจะตอบสนองต่อทุกคำร้องที่มีผู้ลงรายชื่อมากกว่า 10,000 รายชื่อ และหากมันทะยานถึง 100,000 รายชื่อ หัวข้อนี้จะได้รับการพิจารณาให้มีการอภิปรายในรัฐสภา
โฆษกหญิงของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน กล่าวในวันอังคาร (8) ว่า คาเมรอนคิดว่าความคิดเห็นของทรัมป์ “สร้างความแตกแยก ไม่เป็นประโยชน์ และผิดโดยสิ้นเชิง”
อังกฤษมีประชากรชาวมุสลิมราว 2.7 ล้านคน เมื่อช่วงก่อนหน้าในปีนี้ รัฐบาลระบุว่าการต่อสู้กับแนวคิดหัวรุนแรงเป็นหนึ่งในคำจำกัดความการสู้รบของศตวรรษนี้ พร้อมกับได้ประกาศยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายเบื้องต้นเพื่อตอบโต้แนวคิดดังกล่าวที่ถูกส่งเสริมโดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) อัลกออิดะห์ และกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มอื่นๆ