เอเจนซีส์ - ซาจา อัล-ดูไลมี (Saja al-Dulaimi) อดีตภรรยาชาวอิรักของอาบู บักร์ อัล-บักห์ดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi) ผู้นำก่อการร้าย IS ที่อ้างว่าหย่าขาดนาน 6 ปี ประกาศจะเดินทางเข้าตุรกีทันทีพร้อมครอบครัว หลังจากที่อัล-ดูไลมีพร้อมผู้ก่อการร้ายอีก 12 คนถูกรัฐบาลเลบานอนใช้แลกเปลี่ยนอิสรภาพกับตัวประกันทหารเลบานอนจำนวน 16 นายที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนต์ ในซีเรีย โยงใยอัลกออิดะห์
เดลีเมล์ สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า ซาจา อัล-ดูไลมี (Saja al-Dulaimi) ชาวอิรัก อดีตภรรยาของ อาบู บักร์ อัล-บักห์ดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi) ผู้นำก่อการร้าย IS ที่อ้างว่าเธอได้หย่าขาดกับอดีตผู้นำก่อการร้าย IS ปรากฏตัวต่อโทรทัศน์หลังถูกปล่อยตัวออกจากคุกเลบานอนในสภาพสวมผ้าคลุมหน้าแบบเต็มตัว พร้อมกับบุตรสาววัย 6 เดือนในอ้อมแขน ซึ่งมีบุตรตัวน้อยอีก 3 คนยืนเคียงข้าง ที่มีรายงานว่าเด็กทั้งหมดได้ถูกคุมขังพร้อมกับเธอหลังจากที่ถูกเลบานอนจับกุมตัวไว้ได้ในช่วงปลายปีก่อนหน้านี้ ในขณะพยายามข้ามพรมแดนจากซีเรียเข้าเลบานอนโดยใช้หนังสือเดินทางปลอม และทางเลบานอนได้อ้างเธอทำความผิดในฐานะเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งนี้ สื่ออังกฤษชี้ว่า อัล-ดูไลมี และผู้ก่อการร้ายอีก 12 คนเพื่อใช้แลกเปลี่ยนกับเชลยทหารเลบานอน 16 นายที่อยู่ในเงื้อมือของกลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนต์ในซีเรีย โยงใยอัลกออิดะห์ รวมไปถึงศพทหารเลบานอนจำนวน 2 นายที่ถูกสังหาร ที่มีกาตาร์เป็นตัวกลางช่วยให้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนี้เกิดขึ้น
จากภาพข่าวพบว่า มีภาพปรากฏสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนต์ ทำการก้มจูบบุตรชายของอดีตภรรยาผู้นำก่อการร้าย IS อย่างสนิทสนม และรายงานว่า อัล-ดูไลมีได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิงภายในเรือนจำเลบานอนในเดือนมิถุนายนในปีนี้
โดยทันทีที่อดีตภรรยาของอัล-บักห์ดาดีถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ เธอประกาศแผนการจะเดินทางไปกรุงเบรุตและหลังจากนั้นจะเดินทางต่อเข้าไปยังตุรกีทันที โดยอัล-ดูไลมีให้สัมภาษณ์กับสื่อกาตาร์ อัลญะซีเราะห์ที่เมืองอาร์ซาลซึ่งเป็นบริเวณจุดแลกเปลี่ยนว่า “ดิฉันเป็นอดีตภรรยาของอัล-บักห์ดาดี เราทั้งคู่ได้หย่าขาดกันมานานถึง 6 ปีเต็มแล้ว ดิฉันมีแผนจะเดินทางไปกรุงเบรุตและเดินทางต่อไปยังตุรกีหลังจากนั้น” อัล-ดูไลมีกล่าว
ทั้งนี้ ในวันอังคาร (2) ซึ่งเป็นวันแลกเปลี่ยน จุดนัดส่งมอบตัวเกิดขึ้นบริเวณพรมแดนเลบานอนในเมืองอาร์ซาล (Arsal) จุดเดียวกันที่กองกำลังเลบานอนถูกจับกุมเมื่อ 1 ปี 4 เดือนก่อนหน้านี้ และหลังจากนั้นกลุ่มกองกำลังพร้อมอาวุธหนักของก่อการร้ายอัลนุสราฟรอนต์เดินทางเข้ามาทางรถ พร้อมกับตะโกน “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” และได้โบกธงสัญลักษณ์ของกลุ่มก่อนส่งมอบเชลยทหารเลบานอนให้แก่หน่วยงานกาชาดเลบานอนเป็นรับตัวต่อหลังจากนั้น
หลังจากนั้นกลุ่มทหารเลบานอนได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และโกนหนวดเคราเรียบร้อย เดินทางด้วยคาราวานรถ SUV มุ่งหน้ากลับกรุงเบรุต โดยอังกฤษรายงานว่า เชลยทั้งหมดที่ถูกแลกตัวกลับมาได้ 16 คนที่มีทั้งทหารและตำรวจได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่เมืองแลบเวห์ (Labweh) เมืองจุดแวะพักก่อนเข้าสู่กรุงเบรุต ที่ซึ่งเชลยที่ได้รับอิสรภาพเหล่านี้พบปะกับญาติพี่น้องอีกครั้ง และได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติกับนายกรัฐมนตรีเลบานอน และรัฐมนตรีคนสำคัญในคณะรัฐบาล
โดยหนึ่งในตัวประกันทหารเลบานอนที่ได้รับอิสรภาพได้กล่าวกับอัลญะซีเราะห์ว่า “เราขอขอบคุณอัลนุสรา ฟร้อนต์ ที่ตกลงยอมปล่อยตัวพวกเรา และขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนทำให้ข้อตกลงการแลกเปลี่ยนตัวประกันบรรลุผล”
อัลญะซีเราะห์รายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดดีลการแลกเปลี่ยนเปิดเผยว่า ข้อตกลงการปล่อยตัวรวมไปถึง การจัดตั้งโซนบรรเทาทุกข์ขึ้นเพื่อทำให้มีความช่วยเหลือสามารถถูกส่งเข้าไปได้ในบริเวณรอบนอกของเมืองอาร์ซาล รวมไปถึงให้ส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้าไปรักษาในตุรกี และให้สถานภาพทางกฎหมายแก่ผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ ที่ยังคงตกค้างอยู่ในเลบานอน สร้างโซนปลอดภัยในวาดี ฮมายเอ็ด (Wadi Hmayed) สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่น และรวมไปถึงจัดหาเครื่องมือและสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเมืองอาร์ซาล และจัดตั้งคลินิกสนามในบริเวณเขตรอบนอกของเมืองแห่งนี้
