เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ซาอุดีอาระเบียจับกุมพวกหัวรุนแรง 88 ราย ในนั้นมากกว่าครึ่งเป็นอดีตนักโทษอัลกออิดะห์ที่ได้รับการปล่อยตัวไม่นาน ฐานต้องสงสัยวางแผนโจมตีก่อการร้ายทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทยแถลงเมื่อวันอังคาร (2 ก.ย.)
การจับกุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความเคลื่อนไหวของประเทศแห่งนี้ในการผลักดันลงโทษคนที่เป็นสมาชิกหรือให้การสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ที่ถูกจัดอยู่ในฐานะ “ก่อการร้าย” หลังจากก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (29 ส.ค.) กษัตริย์อับดุลเลาะห์ แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงตรัสย้ำว่าภัยคุกคามของพวกญิฮัดจะยังคงอยู่จนกว่าจะมีการดำเนินการอย่างว่องไว
กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสงสัยเหล่านี้ซึ่งถูกจับกุมทั่วประเทศในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เกือบทั้งหมดเป็นชาวซาอุดีอาระเบีย ยกเว้น 3 คนที่เป็นชาวเยเมนและอีกคนที่ยังไม่ทราบสัญชาติ โดยในนั้น 59 คน เคยถูกจับฐานเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิดะห์ พร้อมบอกว่าการจับกุมระลอกล่าสุดนี้ เป็นการทำลายแผนการต่างๆก่อนที่พวกเขาจะเริ่มลงมือโจมตีทั้งในและนอกประเทศ
เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการปราบปรามอัลกออิดะห์ครั้งใหญ่ ตามหลังการโจมตีนองเลือดในประเทศหลายระลอกระหว่างปี 2003-2006 แต่จากนั้นก็มีการปล่อยตัวนักรบจำนวนมาก เมื่อคนเหล่านั้นผ่านโปรแกรมฟื้นฟูอันเป็นที่ถกเถียง โดยโครงการนี้จัดตั้งขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อนเพื่อโน้มน้าวให้พวกญิฮัดเหล่านั้นเห็นว่าการกระทำของพวกเขาละเมิดหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม
อย่างไรก็ตาม จำนวนมากที่ผ่านโครงการฟื้นฟูนี้แล้ว แต่ก็ยังกลับไปเป็นนักรบเหมือนเดิม ในนั้นรวมถึงซาอีด อัล-เชห์รี ซึ่งถึงขั้นก้าวขึ้นเป็นรองแกนนำกลุ่มอัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาราเบียน ก่อนถูกปลิดชีพจากการถูกโจมตีด้วยเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับของสหรัฐฯในเยเมนเมื่อปีก่อน
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางกระทรวงมหาดไทยเผยแพร่รายชื่อกลุ่มต่างๆที่ถูกขึ้นบัญชีดำในฐานะกลุ่มก่อการร้าย ในนั้นรวมถึงขบวนการภราดรภาพมุสลิม กลุ่มแนวหน้าอัลนุสรา (Al-Nusra Front) ซึ่งเป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์ในซีเรีย รวมถึงรัฐอิสลาม (ไอเอส) กลุ่มญิฮัดอันเลื่องชื่อที่กำลังสู้รบทั้งในซีเรีย และอิรัก ณ ขณะนี้
ในเดือนที่แล้ว นักการศาสนาคนดังของซาอุดีอาระเบีย ตราหน้าอัลกออิดะห์และพวกไอเอส ว่าเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของอิสลาม ขณะที่กษัตริย์อับดุลเลาะห์ ทรงตรัสว่า “เป็นที่รู้กันดีว่าก่อการร้ายไม่มีพรมแดนและอันตรายของมันอาจส่งผลกระทบต่อหลายประเทศนอกตะวันออกกลาง หากพวกเราเพิกเฉย ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพวกเขาจะไปถึงยุโรปในเวลาแค่หนึ่งเดือนและอเมริกา ในอีกเดือนถัดจากนั้น”
