เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – SOHR กลุ่ม NGO ด้านสิทธิมนุษยชนที่มีฐานในอังกฤษรายงานสถานการณ์ในซีเรียเมื่อวานนี้(20)ว่า ในปฎิบัติการโจมตีกลุ่มติดอาวุธ IS ของรัสเซียทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 1,300 คน ซึ่งมีเด็กชาวซีเรียรวมอยู่ในนี้ถึง 97 คน ในขณะที่มีรายงานออกมาจากสื่อรัฐบาลเลบานอนว่า เครมลินบีบบังคับให้เบรุตสั่งปิดน่านฟ้าชั่วคราว เพื่ออนุญาตให้ “กองกำลังรบรัสเซียทำการฝึกซ้อมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(20)ว่า กลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียด้านมนุษยชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร SOHR รายงานในวันศุกร์(20)ว่า ตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตีกลุ่มก่อการร้าย IS ในเดือนกันยายนล่าสุด พบว่ามีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 1,300 คนแล้ว
และพบว่า 2 ใน 3 ของตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดราว 1,331 เป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ SOHR แถลง
และทางกลุ่ม SOHR แถลงลงในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า พบว่าสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ IS จำนวน 381 คนถูกสังหาร ในขณะที่ยอดจำนวนสมาชิกกลุ่มติดอาวุธเครือข่ายอัลกออิดะห์ อัลนุสรา ฟรอนต์ และรวมไปถึงสมาชิกกลุ่มติดอาวุธกบฏซีเรียกลุ่มอื่นๆเสียชีวิตรวมกันราว 547 คน
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสนใจเมื่อพบว่า มีพลเรือนซีเรียราว 403 คนเสียชีวิต ซึ่งตัวเลขนี้รวมไปถึงเด็กชาวซีเรียอีก 97 คน
อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีให้ข้อสังเกตว่า ดูเหมือนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ทาง SOHRประกาศล่าสุดจะสูงกว่า 2 เท่าของตัวเลขก่อนหน้านั้นที่ทางกลุ่มได้ประกาศออกมาเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือในวันที่ 29 ตุลาคม แถลงว่า มียอดผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเกือบ 600 คน
นอกจากเอเอฟพียังรายงานว่า กลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรด้านการแพทย์จำนวนหนึ่งที่ปฏิบัติงานในซีเรีย ยังได้ออกมากล่าวหารัสเซียว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ทำให้คลินิกสนามรักษาคนไข้ของหน่วยงาน และโรงพยาบาลในซีเรียได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้กลุ่ม SOHR ยังรายงานตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯว่า มีตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3,649 คน ซึ่ง 6% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นพลเรือน นับตั้งแต่สหรัฐฯเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย
เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียแถลงว่า ยอดตัวเลขผู้ก่อการร้าย IS เสียชีวิตในซีเรียจากปฏิบัติการทางอากาศของสหรัฐฯมีราว 3,276 คน และมีจำนวนสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายอัลกออิดะห์ อัลนุสรา ฟรอนต์ และกลุ่มติดอาวุธกลุ่มอื่นราว 147 คน และมีพลเรือนซีเรียเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีของสหรัฐฯราว 226 คน
และในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองกำลังรัสเซียในซีเรีย ยังมีข่าวว่า ทางเครมลินได้ร้องขอให้รัฐบาลเลบานอนทำการปิดน่านฟ้าชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้กองกำลังรัสเซีย “ทำการซ้อมรบ”
โดย VOX สื่อสหรัฐฯรายงานถึงเรื่องนี้ในวันศุกร์(20)ว่า สื่อ NNAภายใต้การควบคุมรัฐบาลเลบานอน และหนังสือพิมพ์ เดอะเดลี สตาร์ ว่า ทางรัฐบาลรัสเซียได้ทำการร้องขอให้รัฐบาลเลบานอนสั่งปิดท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน โดยทำการสั่งห้ามไม่ให้เครื่องบินโดยสารทำการบินขึ้นและลงที่บริเวณท่าอากาศยานแห่งนี้ นับตั้งแต่วันเสาร์(22)ไปจนถึงวันจันทร์(24)
โดยในการเสนอข่าวจากสื่อเลบานอน ทางรัสเซียอ้างว่า จะมีการทำการฝึกซ้อมรบทางการทหารทางทะเลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอาจทำให้เครื่องบินโดยสารของสายการบินต่างๆไม่ปลอดภัย ซึ่งจุดต่างๆในการซ้อมรบของกองทัพเรือรัสเซียนี้ NNA รายงานว่า “จะทำให้จราจรทางอากาศของเลบานอนต้องหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง”
โดยสื่อสหรัฐฯอ้างอิงจากการรายงานของ นูร์ ซามาฮา (Nour Samaha)นักข่าวชาวเลบานอน ซึ่งได้รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมเลบานอนได้ปฎิเสธคำขอของรัสเซีย
ด้านบริษัทสายการบินตะวันออกกลาง และสายการบินประจำชาติเลบานอนได้ออกมายืนยันว่า ทางบริษัททำการบินตามปกติ
VOX รายงานเพิ่มเติมว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า รัสเซียจะมีปฏิกิริยาในเรื่องนี้อย่างใด หากรายงานข่าวที่ว่านี้เป็นความจริง
นอกจากนี้สื่อสหรัฐฯยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในรายงานเดียวกันนี้ที่เปิดเผยออก พบว่าทางรัสเซียได้ยื่นคำขอไปทางเลบานอนล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อร้องทำการปิดน่านฟ้าชั่วคราวต่อสายการบินต่างๆในวันชาติเลบานอน ซึ่งเป็นวันประกาศอิสรภาพของประเทศในวันที่ 22 พฤศจิกายน หรือคือวันนี้
VOX ชี้ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงรายละเอียดการฝึกซ้อมรบที่รัสเซียอ้าง แต่เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโจมตีอากาศในซีเรีย และสื่อสหรัฐฯยังรายงานต่อว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า รัสเซียจะยังคงทำการฝึกซ้อมรบตามกำหนดหรือไม่ หลังจากที่ได้รับการปฎิเสธอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเลบานอนแล้ว
ด้าน วาลิด จอมแบลตต์ (Walid Joumblatt) บุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองเลบานอนได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ผ่านทวีตเตอร์ในวันศุกร์(20)ว่า ดูเหมือนว่า การที่รัสเซียขอให้ทางเลบานอนทำการปิดน่านฟ้าของตัวเองในวันครบรอบประกาศเอกราชย์นั้น คล้ายกับว่าทางเครมลินคิดว่า “เลบานอนเป็นแค่เขตหนึ่งในกรุงมอสโก” ซึ่งถือเป็นการหยามเกียร์ติ และละเมิดอำนาจอธิปไตยของเราอย่างร้ายแรง”