เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (7) สหรัฐฯแถลงถึงปฏิบัติการทางอากาศรอบใหม่รอบเขื่อนฮาดิธา (Haditha Dam) ที่ใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก เพื่อปกป้องเขื่อนทางตะวันตกไม่ให้ถูกกลุ่ม IS ยึด ในขณะที่ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด สั่งโจมตีเมืองรักกาทางอากาศในวันเสาร์ (6) ที่ถือเป็นเสมือนเมืองหลวงของกลุ่ม IS มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 29 คนโดยเฉพาะที่ร้านเบเกอรี
สื่อ NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานในวันอาทิตย์ (7) ว่า จอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอน เปิดแถลงว่า “สหรัฐฯได้เปิดการโจมตีกลุ่มติดอาวุธ IS ทางตะวันตกของอิรักเมื่อวานนี้ (7) เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS สามารถรุกคืบเข้ายึดเขื่อนแห่งนี้ที่ยังอยู่ใต้ความดูแลของรัฐบาลอิรัก และการสนับสนุนจากชาวสุหนี่” ทั้งนี้ เขื่อนแห่งนี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และยังเป็นแหล่งน้ำและการผลิตกระแสไฟฟ้าหลัก ซึ่งการโจมตีทางอากาศรอบล่าสุดได้รับการร้องขอจากรัฐบาลอิรัก เคอร์บีแถลงเพิ่มเติม
ในเดือนที่ผ่านมา กลุ่มมุสลิมติดอาวุธสุหนี่ IS พยายามที่จะเข้ายึดสิ่งปลูกสร้างที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 6 เครื่องติดตั้ง และถือเป็นแหล่งเก็บน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่กระนั้นรัฐบาลอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากชนเผ่าสุหนี่สามารถรักษาเขื่อนฮาดิธา (Haditha Dam) ไว้ได้ ซึ่งในต้นปี 2014 กลุ่มติดอาวุธสามารถเข้ายึดเขื่อนฟาลูจาห์ (Fallujah) ที่กักเก็บน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติส และได้เปลี่ยนให้เขื่อนกลายเป็นอาวุธทรงอานุภาพโดยการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนให้น้ำไหลท่วมทางปลายแม่น้ำหลังจากกองกำลังทหารอิรักเดินทางเข้ามาในเมือง
ทั้งนี้ น้ำถือเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งในอิรัก ประเทศที่มีพื้นที่เป็นทะเลทรายเป็นส่วนใหญ่และมีประชาชนราว 32.2 ล้านคน และการลดระดับน้ำในแม่น้ำยูเฟรติสไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เกิดการขาดไฟฟ้าในทางใต้ของอิรัก นอกจากนี้ ในวันศุกร์ (5) และวันเสาร์ (6) สหรัฐฯ ออกปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้ทั้งเครื่องบินขับไล่และโดรนโจมตี 2 ระลอกรอบเมืองไอร์บิล (Irbil)
ในขณะเดียวกัน สื่ออังกฤษรายงานว่า เป็นครั้งแรกของซีเรีย ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ออกคำสั่งโจมตีกลุ่ม IS ทางอากาศในวันเสาร์ (6) ที่เมืองรักกา ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของกลุ่ม IS ขีปนาวุธถล่มเป้าหมาย 8 แห่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียในความพยายามที่จะยึดพื้นที่จากกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ ส่งผลทำให้มีพลเรือนซีเรียจำนวน 20 คนต้องสังเวยชีวิต ในขณะกลุ่มติดอาวุธถูกสังหาร 9 คน โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตหลังจากโดนขีปนาวุธโจมตีร้านเบเกอรีที่มีลูกค้าแน่นขนัด โดย อาบู อิบราฮิม (Abu Ibrahim) กลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน (Syrian Observatory for Human Rights) ที่มีฐานอยู่ในอังกฤษ เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า “การโจมตีลูกแรกที่ร้านขนมปังอันดาลัส (Andalous) ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และที่เก็บศพท้องถิ่นแห่งหนึ่งแน่นขนัดไปด้วยร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกเผาไหม้จนเป็นถ่านทำให้ยากที่จะหารายละเอียดของผู้เสียชีวิตได้ รวมไปถึงมีผู้เสียชีวิต 8 รายที่เสียชีวิต จากการโดนโจมตีทางอากาศเพียงครั้งเดียว ซึ่งคนทั้ง 8 นี้มาจากครอบครัวเดียวกัน
อนึ่ง เดอะ ไวซ์ สื่อออนไลน์รายงานในเดือนกันยายน 2013 ว่า ร้านขนมปังบางแห่งในรักกาดำเนินงานโดยกลุ่มกบฏซีเรีย FSA เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนรักกาที่มีรายได้น้อยสามารถหาซื้อขนมปังรับประทานได้ในราคาถูก
นอกจากนี้ สื่อในเมืองรักกายังเผยภาพให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังโรงพยาบาลในเมืองตกเป็นเป้าถูกโจมตี ที่มีผู้ป่วย 7 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 22 คน
และการโจมตีทางอากาศใกล้เคอร์คุกถือเป็นการโจมตีอีกชุดใหญ่ในภูมิภาคนี้ พยานที่อยู่ในเหตุการณ์เผย
ทั้งนี้ มีนักข่าวจำนวนน้อยมากที่จะสามารถเข้าสู่รักกาได้สำเร็จหลังจากเมืองนี้ได้ตกอยู่ในการควบคุมของ IS โดยการสำรวจประชากรต้นปี 2014 พบว่ามีประชากรอาศัยอยู่ร่วม 500,000 คน
และในอีกเหตุการณ์ที่ไม่เกียวข้องกัน รัฐบาลซีเรียได้ใช้เฮลิคอปเตอร์หย่อนระเบิดถังเหนือสถานีรถบัสที่เมืองเอเลปโปทางตอนเหนือของซีเรีย คร่าชีวิตไป 15 ราย