เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติจำหน่ายระเบิดนำวิถีล็อตใหญ่ มูลค่า 1,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 46,400 ล้านบาท) ให้แก่ซาอุดีอาระเบีย หลังฝูงบินทัพฟ้าของริยาดทิ้งบอมบ์ใส่กบฏในเยเมนมานานหลายเดือนจนคลังแสงเริ่มร่อยหรอ
สภาคองเกรสมีเวลา 30 วันที่จะคัดค้านการจำหน่ายอาวุธให้แก่ริยาด ซึ่งคาดว่าการขัดขวางเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น อีกทั้งการส่งมอบระเบิดไฮเทคกว่า 19,000 ลูกก็มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องการโจมตีทางอากาศในเยเมนยังคงเกิดขึ้นทุกวัน
คำสั่งซื้อล็อตนี้ประกอบด้วย ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ Paveway II ชนิด GBU-10 และ GBU-12 จำนวน 5,200 ลูก และระเบิด GBU-24 Paveway III ที่เป็นรุ่นใหม่และมีพิสัยโจมตีไกลกว่าอีก 1,100 ลูก
ทางการซาอุฯ ยังต้องการระเบิดสำหรับใช้งานทั่วไปขนาด 500-2,000 ปอนด์อีก 12,000 ลูก และ BLU-109 หรือ “ระเบิดทลายบังเกอร์” ขนาด 2,000 ปอนด์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอีก 1,500 ลูก
นอกจากวัตถุระเบิดหลายชนิดที่เอ่ยไปข้างต้นแล้ว รัฐบาลซาอุฯ ยังจะได้รับอุปกรณ์เสริมหลายพันชิ้นสำหรับแปลงระเบิดไม่นำวิถี (dumb munitions) ให้กลายเป็นสมาร์ทบอมบ์ที่กำหนดทิศทางได้ด้วยดาวเทียม
“อาวุธเหล่านี้จะช่วยให้กองทัพซาอุดีอาระเบียมีศักยภาพสูงขึ้นในการรับมือภัยคุกคามจากศัตรูทั้งในปัจจุบันและอนาคต... การจัดส่งวัสดุกลาโหมเหล่านี้จึงเป็นการสนับสนุนภารกิจป้องกันซาอุฯ และเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค” สำนักงานความร่วมมือด้านความปลอดภัยกลาโหมสหรัฐฯ (DSCA) แถลง
เดือนที่แล้ว DSCA เพิ่งจะอนุมัติให้บริษัทกลาโหม ล็อกฮีด มาร์ติน ขายเรือรบทันสมัยให้แก่ซาอุดีอาระเบียจำนวน 4 ลำ มูลค่าสูงถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่คาดว่าหมู่เรือรบนี้จะถูกส่งไปประจำการในอ่าวเปอร์เซียทางด้านตะวันออกของซาอุฯ เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากอิหร่าน
ซาอุดีอาระเบียซึ่งรุ่มรวยทรัพยากรน้ำมันถือเป็นลูกค้าอาวุธเบอร์ต้นๆ ของสหรัฐฯ และแม้การทำสัญญาซื้อขายอาวุธระหว่าง 2 พันธมิตรจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจในห้วงเวลาเช่นนี้ แต่ก็อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เช่นกัน เพราะที่ผ่านมามีเสียงร้องเรียนหนาหูว่า เครื่องบินขับไล่ซาอุฯ ที่เข้าไปทิ้งบอมบ์ใส่กบฏฮูตีในเยเมนได้คร่าชีวิตพลเมืองผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก
องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่า มีชาวเยเมนเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของซาอุฯ และชาติพันธมิตรสุหนี่แล้วประมาณ 5,000 คน และส่วนใหญ่เป็นพลเรือน