เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันวานนี้ (16 พ.ย.) ขยับขึ้น หลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ถล่มทางอากาศเป้าหมายปฏิบัติการทางพลังงานของไอเอส แก้แค้นเหตโจมตีนองเลือดปารีส อย่างไรก็ตาม ด้วยนักลงทุนคาดหมายว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวก็ช่วยดันวอลล์สตรีทพุ่งแรงและทองคำปิดบวกในกรอบแคบๆ
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 9 เซ็นต์ ปิดที่ 44.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เหตุโจมตีนองเลือดในกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ (13 พ.ย.) ถูกกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของไอเอส กระพือความคาดหมายว่าจะยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรียและอิรัก ซึ่งบางส่วนหวั่นเกรงว่ามันจะกระทบก่อกำลังผลิตน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ดาเนียล อัง นักวิเคราะห์จากฟิลิป ฟิวเจอร์ส ให้ความเห็นว่า “ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะเป็นแค่ระยะสั้น สำหรับระยะยาวแล้ว ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะยังเป็นอุปทานและอุปสงค์โลก และด้วยภาวะอุปทานล้นตลาด จึงเป็นเรื่องยากที่ราคาน้ำมันจะขยับขึ้นไปมากกว่านี้”
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (16 พ.ย.) พุ่งขึ้นกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ นักลงทุนคาดหมายว่าเหตุโจมตีนองเลือดในปารีส จะส่งผลกระทบแค่ในระยะสั้นต่อเศรษฐกิจอเมริกาและผลประกอบการบริษัทต่างๆ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 237.77 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.483.01 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 30.15 จุด (1.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,053.19 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 56.73 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,984.62 จุด
ดัชนีทั้ง 3 ตัวเปิดตลาดในแดนลบ แต่ไม่นานก็แกว่งตัวขึ้น ด้วยนักลงทุนคาดหมายว่าเหตุโจมตีนองเลือดในปารีส จะส่งผลกระทบแค่ในระยะสั้นต่อเศรษฐกิจอเมริกาและผลประกอบการบริษัทต่างๆ และหันกลับไปให้ความสำคัญกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคม
ส่วนราคาทองคำววานนี้ (16 พ.ย.) ดีดขึ้น หลังเหตุโจมตีคร่า 129 ศพในปารีส กระตุ้นให้นักลงทุนช้อนซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทว่าจากนั้นก็ค่อยๆมีแรงเทขายออกมา จนปิดบวกในกรอบแคบๆเท่านั้น โดยมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกลับมาเป็นประเด็นสนใจหลัก ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,083.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
