(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Here comes the baby lift to China’s economy
By Asia Unhedged
10/11/2015
หวัง เพ่ยอัน รองรัฐมนตรีของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและการวางแผนครอบครัวของจีน อธิบายอย่างมองโลกแง่ดีว่า นโยบายใหม่ที่อนุญาตให้ชาวจีนแต่ว่าครอบครัวมีลูกได้เพิ่มเป็น 2 คน จะทำให้อัตราเติบโตของจีดีพีสูงขึ้นได้ประมาณ 0.5% ทีเดียว เนื่องจากจะทำให้ประเทศมีกำลังแรงงานเพิ่มขึ้น ขณะที่การมีบุตรก็เป็นการสร้างดีมานด์ในด้านต่างๆ มากขึ้นด้วย
รัฐบาลจีนเชื่อในพลังอำนาจของทารก (baby power) ?!?
นโยบายใหม่ที่อนุญาตให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้ 2 คนซึ่งจีนวางแผนจะนำมาใช้เร็วๆ นี้ คาดหมายกันว่าจะสามารถเพิ่มพูนอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้นได้ประมาณ 0.5% เจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอังคาร (10 พ.ย.) (ดูรายละเอียดเรื่องนี้ได้ที่ http://www.reuters.com/article/2015/11/10/us-china-economy-population-idUSKCN0SZ0OK20151110)
หวัง เพ่ยอัน (Wang Pei’an) รองรัฐมนตรีของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและการวางแผนครอบครัว (National Health and Family Planning Commission) ระบุว่า อัตราเติบโตที่สูงขึ้นดังกล่าวจะมาจากการที่ประเทศมีกำลังแรงงานเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่ได้ระบุระยะเวลาอย่างเจาะจงว่าเรื่องนี้จะเริ่มเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อใด
“ในระยะยาวแล้ว ผลด้านบวกที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ” หวัง บอกต่อที่ประชุมแถลงข่าว ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ถ้าหากความเป็นจริงปรากฏออกมาตามนี้ มันก็ย่อมเป็นการสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือให้แก่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้ซึ่งประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า มีความเป็นไปได้สำหรับประเทศจีนที่จะมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับปีละประมาณ 7% ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
เวลาผ่านพ้นไปร่วมๆ 2 สัปดาห์แล้ว นับแต่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นผู้ปกครองประเทศจีนอยู่ในเวลานี้ ได้ขยับก้าวเดินอย่างน่าตื่นใจด้วยการประกาศยุติ “นโยบายลูกคนเดียว” ซึ่งทางพรรคยืนกรานบังคับใช้มานานและก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างมากมายอีกด้วย กระนั้นก็มีนักวิพากษ์วิจารณ์ออกมาบอกว่า การที่แดนมังกรเปลี่ยนแปลงนโยบายคราวนี้ อาจจะเป็นความเคลื่อนไหวที่ล่าช้าเกินไป และจะไม่ก่อให้เกิดผลในทางที่พึงปรารถนา
รอยเตอร์รายงานคำพูดของรองรัฐมนตรีหวัง ซึ่งกล่าววา การนำนโยบายลูก 2 คนมาใช้ จะทำให้ผู้บริโภคทั้งหลายมีดีมานด์ความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งในเรื่องที่อยู่อาศัย, การศึกษา, ภาวะสุขอนามัย, และข้าวของจำเป็นประจำวันต่างๆ ดังนั้นจึงจะช่วยเพิ่มการจ้างงานในระยะใกล้ๆ
นโยบายให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้แค่คนเดียวนั้น เริ่มมีผลบังคับในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ด้วยจุดประสงค์ที่จะป้องกันไม่ให้อัตราการเกิดของประชากรมีการขยายตัวออกไปเรื่อยๆ จนควบคุมไม่ได้ แต่ปัจจุบันนโยบายดังกล่าวนี้ไม่เพียงถูกมองว่าล้าสมัยเสียแล้วเท่านั้น หากยังถูกประณามว่าเป็นตัวการทำให้ปริมาณแรงงานของจีนลดน้อยลง ซึ่งกลายเป็นปัญหาขึ้นมาในขณะที่ประชากรอายุสูงวัยขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ในอีก 30 ปีข้างหน้า คาดหมายว่าประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรจีนจะมีอายุเกิน 60 ปี ขณะเดียวกับที่ผู้ใหญ่วัยทำงานซึ่งสามารถสนับสนุนคนชราเหล่านี้ ก็จะมีจำนวนลดน้อยลงไปมาก
หวัง แจกแจงว่า ภายในปี 2050 นโยบายใหม่ที่ให้มีลูก 2 คนนี้ น่าจะทำให้มีกำลังแรงงานเพิ่มขึ้นมากว่า 30 ล้านคน และทำให้จำนวนประชากรสูงวัยเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนของประชากรทั้งหมดแล้วจะลดลง 2%
“การนำเอานโยบายลูก 2 คนมาปฏิบัติอย่างรอบด้าน จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างประชากร และส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาอย่างมีสมดุลของประชากร” หวัง กล่าว
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
Here comes the baby lift to China’s economy
By Asia Unhedged
10/11/2015
หวัง เพ่ยอัน รองรัฐมนตรีของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและการวางแผนครอบครัวของจีน อธิบายอย่างมองโลกแง่ดีว่า นโยบายใหม่ที่อนุญาตให้ชาวจีนแต่ว่าครอบครัวมีลูกได้เพิ่มเป็น 2 คน จะทำให้อัตราเติบโตของจีดีพีสูงขึ้นได้ประมาณ 0.5% ทีเดียว เนื่องจากจะทำให้ประเทศมีกำลังแรงงานเพิ่มขึ้น ขณะที่การมีบุตรก็เป็นการสร้างดีมานด์ในด้านต่างๆ มากขึ้นด้วย
รัฐบาลจีนเชื่อในพลังอำนาจของทารก (baby power) ?!?
นโยบายใหม่ที่อนุญาตให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้ 2 คนซึ่งจีนวางแผนจะนำมาใช้เร็วๆ นี้ คาดหมายกันว่าจะสามารถเพิ่มพูนอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้นได้ประมาณ 0.5% เจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอังคาร (10 พ.ย.) (ดูรายละเอียดเรื่องนี้ได้ที่ http://www.reuters.com/article/2015/11/10/us-china-economy-population-idUSKCN0SZ0OK20151110)
หวัง เพ่ยอัน (Wang Pei’an) รองรัฐมนตรีของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและการวางแผนครอบครัว (National Health and Family Planning Commission) ระบุว่า อัตราเติบโตที่สูงขึ้นดังกล่าวจะมาจากการที่ประเทศมีกำลังแรงงานเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่ได้ระบุระยะเวลาอย่างเจาะจงว่าเรื่องนี้จะเริ่มเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อใด
“ในระยะยาวแล้ว ผลด้านบวกที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ” หวัง บอกต่อที่ประชุมแถลงข่าว ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ถ้าหากความเป็นจริงปรากฏออกมาตามนี้ มันก็ย่อมเป็นการสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือให้แก่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้ซึ่งประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า มีความเป็นไปได้สำหรับประเทศจีนที่จะมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับปีละประมาณ 7% ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
เวลาผ่านพ้นไปร่วมๆ 2 สัปดาห์แล้ว นับแต่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นผู้ปกครองประเทศจีนอยู่ในเวลานี้ ได้ขยับก้าวเดินอย่างน่าตื่นใจด้วยการประกาศยุติ “นโยบายลูกคนเดียว” ซึ่งทางพรรคยืนกรานบังคับใช้มานานและก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างมากมายอีกด้วย กระนั้นก็มีนักวิพากษ์วิจารณ์ออกมาบอกว่า การที่แดนมังกรเปลี่ยนแปลงนโยบายคราวนี้ อาจจะเป็นความเคลื่อนไหวที่ล่าช้าเกินไป และจะไม่ก่อให้เกิดผลในทางที่พึงปรารถนา
รอยเตอร์รายงานคำพูดของรองรัฐมนตรีหวัง ซึ่งกล่าววา การนำนโยบายลูก 2 คนมาใช้ จะทำให้ผู้บริโภคทั้งหลายมีดีมานด์ความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งในเรื่องที่อยู่อาศัย, การศึกษา, ภาวะสุขอนามัย, และข้าวของจำเป็นประจำวันต่างๆ ดังนั้นจึงจะช่วยเพิ่มการจ้างงานในระยะใกล้ๆ
นโยบายให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้แค่คนเดียวนั้น เริ่มมีผลบังคับในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ด้วยจุดประสงค์ที่จะป้องกันไม่ให้อัตราการเกิดของประชากรมีการขยายตัวออกไปเรื่อยๆ จนควบคุมไม่ได้ แต่ปัจจุบันนโยบายดังกล่าวนี้ไม่เพียงถูกมองว่าล้าสมัยเสียแล้วเท่านั้น หากยังถูกประณามว่าเป็นตัวการทำให้ปริมาณแรงงานของจีนลดน้อยลง ซึ่งกลายเป็นปัญหาขึ้นมาในขณะที่ประชากรอายุสูงวัยขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ในอีก 30 ปีข้างหน้า คาดหมายว่าประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรจีนจะมีอายุเกิน 60 ปี ขณะเดียวกับที่ผู้ใหญ่วัยทำงานซึ่งสามารถสนับสนุนคนชราเหล่านี้ ก็จะมีจำนวนลดน้อยลงไปมาก
หวัง แจกแจงว่า ภายในปี 2050 นโยบายใหม่ที่ให้มีลูก 2 คนนี้ น่าจะทำให้มีกำลังแรงงานเพิ่มขึ้นมากว่า 30 ล้านคน และทำให้จำนวนประชากรสูงวัยเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนของประชากรทั้งหมดแล้วจะลดลง 2%
“การนำเอานโยบายลูก 2 คนมาปฏิบัติอย่างรอบด้าน จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างประชากร และส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาอย่างมีสมดุลของประชากร” หวัง กล่าว
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
