เอเจนซีส์ - ในวันอังคาร (10 พ.ย.) สถานีโทรทัศน์ช่องหลักรัสเซียทำผิดพลาด รายงานแสดงเอกสารลับในการประชุมพัฒนาอาวุธที่มีประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เป็นประธาน ซึ่ง “Status-6” ยานดำน้ำโดรนพลังงานนิวเคลียร์” ที่ติดขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ชั้นเมกะแคลสเพื่อเป้าหมาย “ทำลายเมืองชายฝั่งของศัตรู” โดยความเร็วของยานโดรนใต้น้ำ 56 นอต สามารถดำในระดับความลึก 3,280 ฟุต รวมไปถึงมีระยะทำการได้ไกลถึง 6,200 ไมล์ หรือ 9,977.93 กม. แหล่งข่าวเพนตากอนยอมรับว่ามีศักยภาพเหนือกว่ากองเรือดำน้ำสหรัฐฯ ทั้งหมดในเวลานี้ และโปรเจกต์นี้ได้รับการยืนยันโดยโฆษกประธานาธิบดีรัสเซียในวันพุธ (11) ว่า “มีอยู่จริง”
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ และเดอะวอชิงตันฟรีบีคอน สื่อเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (11) ว่า ในวันอังคาร (10) สถานีโทรทัศน์ในการควบคุมของรัฐบาลรัสเซีย NTV และ Channel One ได้รายงานการประชุมพัฒนาอาวุธรัสเซียในโซชิ ซึ่งมีประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ และในช่วงหนึ่งได้พลาดถ่ายโคลสอัพไปที่เอกสารลับที่อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่การทหารระดับสูงที่อยู่ในที่ประชุม เผยให้เห็นถึงการพัฒนาอาวุธล่าสุดของรัสเซียซึ่งอาจเป็นสุดยอดอาวุธที่ปูตินได้ส่งสัญญาณมาจากโซชิว่า รัสเซียจะตอบโต้ระบบขีปนาวุธป้องกันภัยอากาศของสหรัฐฯ ที่วางไว้ทั่วยุโรป
โดยในเอกสารแสดงยุทโธปกรณ์ภายใต้รหัส “Status-6” ตอร์ปิโดนิวเคลียร์ที่สามารถยิงมาจากยานดำน้ำโดรนไร้คนขับ และเป็นความก้าวหน้าที่ได้รับการวิจัยและออกแบบโดยบริษัทพัฒนาอาวุธสัญชาติรัสเซีย รูบิน (RUBIN) ที่มีฐานในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
อย่างไรก็ตาม หลังมีการเผยแพร่ออกอากาศ แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้นสถานีโทรทัศน์ที่ได้ออกอากาศทำการ “ลบข้อมูลความลับทิ้ง” แต่ทว่ายังมีเว็บไซต์ที่ยังคงเผยแพร่ภาพที่ได้จากหน้าจอนั้นอยู่
ด้านโฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิตรี เปชคอฟ เมื่อวานนี้ (11) ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับการมีอยู่ของ “ตอร์ปิโดนิเคลียร์ที่สามารถยิงจากยานดำน้ำแบบไร้คนขับ” และยอมรับถึงความผิดพลาดในการออกอากาศว่า “เป็นความจริงว่าความลับบางอย่างได้ถูกแพร่งพรายออกไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องลบข้อมูลทิ้ง” เปชคอฟแถลง และกล่าวต่อว่า “ในอนาคตข้างหน้า เราจะมีมาตรการให้รัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”
สื่ออังกฤษชี้ว่า ในเบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ภาพโคลสอัพบลูพรินต์อาวุธรัสเซียนั้นถูกเผยแพร่ออกไปผ่านสถานีข่าวที่มีมาตรการรัดกุม นั้นหลุดรอดออกมาได้อย่างไร
เดอะวอชิงตันฟรีบีคอนรายงานเพิ่มเติมว่า โปรเจกต์แคนยอน (Kanyon project) ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเป็นผู้ตั้งชื่อ ใช้เรียกโครงการอาวุธลับตอร์ปิโดนิวเคลียร์รัสเซีย “Ocean Multipurpose System ‘Status-6” ซึ่งมีบริษัทผู้พัฒนาคือ “TsKB MT Rubin” ซึ่งพบว่าบริษัทแห่งนี้เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างเรือดำน้ำทั้งหมดที่อยู่ในประจำการกองทัพรัสเซียในขณะนี้
สื่อการทหารสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า จากการแปลข้อความที่ปรากฎในเอกสารลับระบุว่า* “เป้าหมายของพัฒนายานดำน้ำไร้คนขับเพื่อ ทำลายระบบปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจของศัตรูที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่ง และสร้างเขตแดนบริเวณกว้างที่มีสารกัมมันตภาพรังสีความหนาแน่นสูงกระจายฟุ้ง เพื่อให้ไม่สามารถทำให้มีปฏิบัติการทางทหาร ทางเศรษฐกิจการค้า หรือการอยู่อาศัยได้เป็นเวลานาน”
นอกจากนี้ ในเอกสารยังได้ระบุยุทโธปกรณ์ประเภทนี้ว่าเป็น “self-propelled underwater craft” หรือยานใต้น้ำที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง (โดรนใต้น้ำ) ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาจากเรือดำน้ำแม่ได้จากทั้ง 2 แคลสที่ไม่ได้ระบุ
สื่อการทหารสหรัฐฯรายงานต่อว่า โปรเจกต์ 09852 หรือ โปรเจกต์เรือ 09851 ซึ่งสำหรับโปรเจกต์ 09852 นี้ เดอะวอชิงตันฟรีบีคอนชี้ว่า เป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่นาโตได้ระบุว่าคือ “เรือดำน้ำโจมตีประเภทแคลสเดอะออสการ์ II” (the Oscar II-class attack submarine) แต่ทว่ารหัส 09851 นั้นทางนาโตยังไม่สามารถระบุได้
นอกจากนี้ ในเอกสารลับที่ถูกเปิดเผยยังระบุต่อว่า เรือดำน้ำแคลสออสการ์นั้นมีความสามารถในการประจำการโดรนใต้น้ำได้ถึง 4 ลำ และอีกลำจะสามารถมีโดรนใต้น้ำประจำการได้ราว 3-6 ลำ
สื่อความมั่นคงสหรัฐฯ รายงานต่อว่า เรือดำน้ำทั้งสองลำนั้นเป็นเรือดำน้ำเพิ่งสร้างขึ้นในปี 2012 และในปี 2014
และในเอกสารลับของรัสเซียยังชี้ว่า โดรนใต้น้ำนี้สามารถเดินทางใต้น้ำได้ที่ระดับความลึก 3,280 ฟุต และความเร็ว 56 นอต ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งว่า โดรนใต้น้ำของรัสเซียมีระยะการทำการได้ไกลถึง 6,200 ไมล์ หรือ 9,977.93 กม.
นอกจากนี้ จากบลูพรินต์ของโครงการลับตอร์ปิโดนิวเคลียร์ยังชี้ว่า โดรนใต้น้ำจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ด้วย “reactor module” ซึ่งจะถูกควบคุมโดยเรือควบคุมและสั่งการ เรือสนับสนุน รวมไปถึงเรือดำน้ำซารอฟ “Sarov” ที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ และเรือพ้นผิวน้ำที่ใช้ในปฏิบัติการกู้ภัย
เดอะวอชิงตันฟรีบีคอนรายงานต่อว่า ในบลูพรินต์ยังชี้ว่า แผนการก่อสร้าง “ต้นแบบ” คาดว่าจะสามารถเริ่มได้ภายในปี 2019 และระยะเวลาการทดสอบจะอยู่ในช่วงปี 2019-2020
สื่อการทหารสหรัฐฯ รายงานว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ รายหนึ่งได้เคยได้ให้ความเห็นไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ว่า โดรนใต้น้ำคาดว่าจะสามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์หัวรบชั้นเมกะตันที่มีขนาดใหญ่มาก (megaton-class warhead) ซึ่งจะถูกใช้ในการโจมตีอ่าว หรือบริเวณคาบสมุทร
“นี่เป็นเรือดำน้ำแบบไร้คนขับที่มีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถเดินทางได้ในระยะไกล” หนึ่งในแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ให้ความเห็น พร้อมยังชี้ว่าการพัฒนาโดรนใต้น้ำนี้ยังต้องอาศัยเวลานานมากเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะสามารถสร้างตัวต้นแบบสำเร็จและนำไปสู่การทดสอบภาคสนาม
ทั้งนี้ มีรายงานว่าโดรนใต้น้ำรัสเซียรหัสโปรเจกต์แคนยอนตามการเรียกขานของเพนตากอนนั้น สร้างความวิตกให้กับกองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
มาร์ก ชไนเดอร์ (Mark Schneider) อดีตเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ให้ความเห็นถึงอุบัติเหตุการเปิดเผยข้อมูลลับครั้งนี้ว่า ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ซึ่งยืนยันการรายงานของเดอะวอชิงตันฟรีบีคอนที่ว่า มีการออกแบบยุทโธปกรณ์เพื่อมุ่งทำลายเมืองบริเวณชายฝั่ง
“ความเร็วและระดับความลึกในการเดินทางของโดรนใต้น้ำดูเหมือนว่าเหนือกว่าศักยภาพทั้งหมดของกองเรือดำน้ำสหรัฐฯ ทั้งในด้านความเร็วและระดับความลึก ซึ่งอ้างอิงจากรายงานจากรายงานสรุปของกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือจะพูดให้ชัดคือ เหนือกว่าเรือดำน้ำที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์ทั้งหมด”ชไนเดอร์ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธนิวเคลียร์ประจำเพนตากอนกล่าว
และยังกล่าวเสริมว่า “โดรนใต้น้ำที่มีศักยภาพสูงเช่นนี้ทำให้เป็นการยากต่อการอินเตอร์เซฟ” ชไนเดอร์กล่าว และเสริมต่อว่า “สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเป้าหมายของโดรนใต้น้ำที่ถูกสร้างเพื่อทำให้ระบบเศรษฐกิจของศัตรูชะงักงันด้วยการทำให้มีเขตกัมมันตภาพรังสีหนาแน่นในบริเวณติดชายฝั่งเป็นระยะเวลานาน”
ชไนเดอร์ อดีตเจ้าหน้าที่เพนตากอนเผยต่อว่า “ซึ่งหากมีการใช้อาวุธประเภทนี้จริง จะถือเป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน”