xs
xsm
sm
md
lg

สี จิ้นผิง บอก ‘ไต้หวัน’ ให้ควบคุมดึงรั้ง ‘พลังเรียกร้องเอกราช’

เผยแพร่:   โดย: กองบรรณาธิการเอเชียไทมส์

<i>ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน (ขวา) จับมือกับประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ของไต้หวัน (ซ้าย) ระหว่างการประชุมซัมมิตที่สิงคโปร์ในวันเสาร์ (7 พ.ย.) </i>
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Rein in pro-independence forces, Xi tells Taiwan
By AT Editor
06/11/2015

ระหว่างที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กับประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว แห่งไต้หวัน พบปะหารือกันในสิงคโปร์เมื่อวันเสาร์ (7 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นการพบปะกันครั้งแรกของผู้นำของสองฝ่ายนี้ในรอบระยะเวลา 66 ปี หม่า ได้เรียกร้องแต่ละฝ่ายให้ความเคารพต่อระบบของอีกฝ่ายหนึ่ง ขณะที่ สี บอกว่า จะต้องไม่ปล่อยให้พวกเรียกร้องต้องการให้ไต้หวันเป็นเอกราช มาทำให้ไต้หวันและแผ่นดินใหญ่ต้องแยกขาดออกจากกัน

จีนกับไต้หวันจะต้องไม่ยอมปล่อยพวกเรียกร้องต้องการให้ไต้หวันเป็นเอกราช มาทำให้พวกเขาต้องแยกขาดออกจากกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน บอกกับประธานาธิบดีของไต้หวัน เมื่อวันเสาร์ (7 พ.ย.) ในการพบปะหารือกันครั้งแรกระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่าย นับตั้งแต่ที่สงครามกลางเมืองของจีนยุติลงในปี 1949

ทางด้าน หม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีของไต้หวัน ดินแดนที่ปกครองตนเองแบบประชาธิปไตย ซึ่งกระแสความรู้สึกต่อต้านปักกิ่งกำลังแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ได้เรียกร้องแต่ละฝ่ายให้ความเคารพต่อระบบของอีกฝ่ายหนึ่ง พร้อมกับระบุว่าประชาชนของไต้หวันมีความวิตกกังวลต่อขีปนาวุธของแผ่นดินใหญ่ซึ่งพุ่งเป้าเล็งมาทางพวกเขา

การพบปะพูดจาคราวนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูหราแห่งหนึ่งในสถานที่เป็นกลางอย่างสิงคโปร์ กินเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ทว่าเต็มไปด้วยความหมายในเชิงสัญลักษณ์


ผู้นำทั้งสองจับมือกันอย่างยาวนานและยิ้มแย้มต่อหน้ากองทัพนักข่าวในตอนที่พวกเขาเริ่มพบปะกัน โดยที่ สี ผูกเน็กไทสีแดง อันเป็นสีของพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วน หม่า ผูกเน็กไทสีฟ้า ซึ่งเป็นสีของพรรคก๊กมิ่นตั๋งของเขา

ขณะทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องประชุมหารือนั้น สี ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นพูดก่อนและนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับหม่า กล่าวว่า ประชาชนจีนในทั้งสองฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน มีความสามารถและมีสติปัญญาที่จะแก้ไขคลี่คลายปัญหาต่างๆ ของพวกเขาเอง

“ไม่มีพลังใดที่จะสามารถดึงลากให้พวกเราแยกขาดจากกันได้ เนื่องจากพวกเรานั้นเป็นพี่น้องกัน ผู้ซึ่งยังคงเชื่อมต่อโยงใยกันด้วยเลือดเนื้อของพวกเรา แม้กระทั่งว่ากระดูกของพวกเราจะแตกหักไป พวกเราอยู่ในครอบครัวเดียวกันซึ่งเลือดนั้นเข้มข้นกว่าน้ำ” สี บอก

ทางด้าน หม่า กล่าวตอบว่า เขามีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดภาวะสันติภาพในตลอดสองฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน และความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบนี้ควรวางอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ, สติปัญญา, และความอดทนอดกลั้น

หม่ายังเรียกร้องต่อ สี อย่างอ้อมๆ ให้เคารพระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน

“ทั้งสองฝ่ายควรต้องเคารพในค่านิยมและหนทางดำเนินชีวิตของแต่ละฝ่าย เพื่อให้เป็นที่มั่นใจได้ว่าจะบังเกิดผลประโยชน์ร่วมกันและบังเกิดสถานการณ์แบบชนะกันทุกฝ่ายในตลอดสองฟากฝั่งของช่องแคบ” เขาระบุ

พรรคก๊กมิ่นตั๋ง หรือในภาษาจีนกลางคือ กว๋อหมินตั่ง (Kuomintang ใช้อักษรย่อว่า KMT) ซึ่งก็คือพรรคชาตินิยม (Nationalists) ได้ล่าถอยมาอยู่ในไต้หวัน ภายหลังพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งปัจจุบันยังคงปกครองแผ่นดินใหญ่และตั้งกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวง

ฝ่ายแผ่นดินใหญ่นั้นไม่เคยประกาศเลยว่าจะไม่ใช้กำลังเพื่อนำเอาไต้หวันที่พวกเขาถือว่าเป็นมณฑลที่แยกตัวออกไป กลับคืนมาอยู่ใต้การควบคุมของพวกเขา
<i>ผู้นำจีน สี จิ้นผิง (ขวา) และ ผู้นำไต้หวัน หม่า อิงจิ่ว (ซ้าย) โบกไม้โบกมือให้ผู้สื่อข่าวระหว่างการประชุมซัมมิตที่สิงคโปร์ </i>
<i>ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน (ขวา) และประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ของไต้หวัน (ซ้าย) เจรจาหารือกันที่โรงแรมแชงกรีลา ในสิงคโปร์ วันเสาร์ (7 พ.ย.) </i>
ขณะอยู่ในที่ประชุมแถลงข่าวของฝ่ายไต้หวันภายหลังการพบปะหารือเสร็จสิ้นลง หม่ากล่าวว่าเขาคาดหวังให้ สี สนใจเอาใจใส่กับเรื่องที่ฝ่ายแผ่นดินใหญ่นำเอาขีปนาวุธออกมาติดตั้งประจำการ (ซึ่งทำให้ไต้หวันกังวลกลัดกลุ้มกันมานานแล้ว จากการที่มีขีปนาวุธจำนวนมากพุ่งเป้าเล็งมาที่เกาะแห่งนี้) และ สี ก็ตอบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน หม่าเล่าให้พวกนักข่าวฟัง

“อย่างน้อยที่สุดผมก็หยิบยกประเด็นปัญหานี้ขึ้นมาพูดแล้ว และได้บอกกับเขาว่าประชาชนชาวไต้หวันมีคำถามและมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และก็คาดหวังว่าเขาจะถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ” หม่า บอก

ทางด้าน จาง จื้อจิว์น (Zhang Zhijun) ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการไต้หวัน (Taiwan Affairs Office) ของคณะรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้ที่ออกมาแถลงข่าวในการจัดแถลงข่าวของทางฝ่ายแผ่นดินใหญ่นั้น ระบุว่า สี ได้บอกกับ หม่า ว่า ภัยคุกคามใหญ่ที่สุดต่อการพัฒนาอย่างสันติของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ ก็คือ กลุ่มพลังที่มุ่งเรียกร้องให้ไต้หวันเป็นเอกราช

“เพื่อนร่วมชาติในทั้งสองฟากฝั่งควรต้องสามัคคีกัน และคัดค้านกลุ่มพลังเหล่านี้อย่างหนักแน่นมั่นคง” จาง บอก

ฝ่ายค้านไต้หวันบอก “ผิดหวัง”

การพบปะหารือระหว่าง สี กับ หม่า ครั้งนี้ มีขึ้นไม่กี่เดือนก่อนหน้าการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งรัฐสภาในไต้หวัน ซึ่งพรรคก้าวหน้าประชาธิปไตย (Democratic Progressive Party ใช้อักษรย่อว่า DPP) ที่มีความโน้มเอียงไปในทางเรียกร้องเอกราช กำลังเป็นตัวเก็งที่จะเป็นผู้ชนะ อันเป็นสิ่งที่ปักกิ่งไม่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้น และดิ้นรนหาทางยับยั้ง

ไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) ผู้นำและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรค DPP แถลงจากไต้หวันว่า เธอรู้สึกผิดหวังที่ หม่า ไม่ได้กล่าวตรงๆ ถึงเรื่องเสรีภาพและระบอบประชาธิปไตยของไต้หวันเลย

“เราคาดหมายเอาไว้ว่าประธานาธิบดีหม่าจะพูดถึงประชาธิปไตยและเสรีภาพของไต้หวัน และการดำรงคงอยู่ของสาธารณรัฐจีน” เธอกล่าวในการแสดงความคิดเห็นซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์หลายแห่งในไต้หวัน โดยที่สาธารณรัฐจีน คือชื่ออย่างเป็นทางการของไต้หวัน

ขณะที่การค้า, การลงทุน, และการท่องเที่ยวระดับทวิภาคี มีการเติบใหญ่เบ่งบาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ที่ หม่า และพรรค KMT ของเขาขึ้นครองอำนาจในปี 2008 ทว่าทั้งสองฝ่ายยังคงมีความระแวงกันอย่างล้ำลึก และไม่มีความก้าวหน้าใดๆ เลยในเรื่องการปรองดองทางการเมืองไม่ว่าจะในรูปแบบใดทั้งสิ้น

ไม่เป็นที่คาดหมายกันว่าทั้งสองฝ่ายจะมีข้อตกลงใดๆ ในการพบปะหารือกันอย่างเต็มไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์คราวนี้ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กๆ ประดุจนครรัฐที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อจีน และธำรงรักษาความผูกพันอันดีกับทั้งแผ่นดินใหญ่และไต้หวันมาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษแล้ว

ปัญหาด้านพิธีการทูต กลายเป็นเรื่องใหญ่ทั้งสำหรับไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย และจีนที่เป็นเผด็จการรวบอำนาจ และในที่สุดแล้วผู้นำทั้งสองก็เรียกขานกันและกันด้วยคำว่า “เซียนเซิง” (เท่ากับ mister ในภาษาอังกฤษ คุณ, นาย ในภาษาไทย) เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องเรียกกันและกันว่า “ท่านประธานาธิบดี” เนื่องจากไม่ได้มีการรับรองอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเป็นทางการว่าเป็นประมุขแห่งรัฐ

สิ่งที่ยิ่งย้ำให้เห็นความรู้สึกอ่อนไหวของฝ่ายจีนมากขึ้นอีก ได้แก่การที่โทรทัศน์ของทางการจีนเผยแพร่แต่การแสดงความคิดเห็นสดๆ ของสี และตัดภาพไปทางอื่นเมื่อ หม่า เริ่มต้นพูด ทำให้เกิดการบ่นพึมเกรียวกราวจากสื่อสังคมจีนในเรื่องการเซ็นเซอร์เช่นนี้ ในเวลาต่อมา โทรทัศน์ของทางการจีนจึงมีการเผยแพร่คำพูดในตอนเริ่มต้นการพบปะหารือของหม่า ซึ่งได้มีการอัดเสียงเอาไว้
<i>กลุ่มนักเคลื่อนไหวคัดค้านในไต้หวัน ออกมาชุมนุมกันที่ด้านนอกของกระทรวงกิจการเศรษฐกิจของไต้หวันในกรุงไทเปเมื่อวันเสาร์ (7 พ.ย.) เพื่อคัดค้านการพบปะหารือกันระหว่างประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ สิงคโปร์ </i>
การชุมนุมประท้วงในไต้หวัน

การประชุมหารือกันครั้งนี้บังเกิดขึ้น ในขณะที่ สี วาดหวังที่จะสร้างเกียรติคุณของตนเองเพื่อให้สามารถยืนอยู่ในหมู่ผู้นำยิ่งใหญ่ของจีนได้อย่างมั่นคง ส่วน หม่าซึ่งกำลังจะก้าวลงจากอำนาจในปีหน้าเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบ 2 สมัยแล้ว ก็พยายามที่จะทำให้ผลงานที่ถือเป็นมรดกตกทอดของเขาบังเกิดรูปลักษณ์อันงดงาม หลังจากต้องมัวหมองไปจากกระแสความรู้สึกต่อต้านปักกิ่งซึ่งกำลังทวีความแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ ในไต้หวัน

ขณะที่การพบปะหารือคราวนี้ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากฝ่ายจีน ในไต้หวันกลับมีผู้ที่แสดงความรู้สึกวิตกกังวล และในวันเสาร์ (7 พ.ย.) ก็มีประชาชนสองสามร้อยคนออกมาชุมนุมเดินขบวนบนท้องถนนสายต่างๆ ในกรุงไทเป เพื่อแสดงการประท้วงคัดค้านการพบปะหารือคราวนี้

“ถึงแม้เขาบอกว่าเขาจะไม่เซ็นข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้นที่สิงคโปร์นั่น แต่การพบปะระหว่าง หม่า กับ สี ในตัวของมันเองก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าจะต้องมีการหารืออภิปรายกันหรือการเจรจากันบางอย่างบางประการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางประชาชนของไต้หวันไม่ได้ให้การรับรองยอมรับ” ซุง หยุนชวน (Sung Yun-chuan) ผู้ร่วมประท้วงคนหนึ่งบอก

หม่า กับ สี มีกำหนดนัดหมายที่จะรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ก่อนแยกย้ายต่างคนต่างบินออกจากสิงคโปร์

ของขวัญที่ หม่า เตรียมมอบให้แก่ สี เนื่องในวาระการพบปะหารือกันคราวนี้ ได้แก่สุราซึ่งผลิตโดยประชาชน 2 กลุ่มของหมู่เกาะที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่นิดเดียว และได้ถูกองทหารไต้หวันยึดครองไว้นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง

นอกจากนั้น ของขวัญอีกชิ้นหนึ่งที่เขาเตรียมมอบให้ สี ได้แก่ประติมากรรมเซรามิกรูปนกขุนแผนไต้หวัน (Taiwan blue magpie) เกาะอยู่บนกิ่งไม้ที่อุดมด้วยใบเขียว ทั้งนี้ นกชนิดนี้ถือเป็นนกพิเศษของเกาะแห่งนี้ สำนักประธานาธิบดีไต้หวันระบุในคำแถลง

กำลังโหลดความคิดเห็น