เอเอฟพี - กองทัพเรือสหรัฐฯต้องรุดส่งเครื่องบินขับไล่ 4 ลำ ขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อประกบเครื่องบินรบของรัสเซียที่บินมาใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาลำหนึ่ง นอกคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ตามยอมรับเครื่องบินแดนหมีขาวไม่ได้เป็นภัยคุกคาม เพียงแต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนมาตรฐานเท่านั้น
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่าเครื่องบินของรัสเซีย 2 ลำ บินเข้าใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน กระตุ้นให้ต้องส่งเครื่องบินขับไล่ เอฟ/เอ-18 จำนวน 4 ลำขึ้นสู่ท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามโฆษกรายนี้ปัดเป่าความกังวลต่อเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในทะเลญี่ปุ่น(ทะเลตะวันออก) โดยระบุว่าไม่มีความเสี่ยงของการเผชิญหน้ากัน
ด้าน เจฟฟ์ เดวิส โฆษกของเพนตากอนเผยว่าเครื่องบิน Tu-142 Bear ของรัสเซีย 2 ลำ บินเข้ามาใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินราว 1 ไมล์ ณ ระดับความสูง 500 ฟุต(150เมตร) เมื่อวันอังคาร(27ต.ค.) และย้ำเช่นกันว่าไม่มีหลักฐานว่าเครื่องบินรัสเซียเสี่ยงเป็นภัยคุกคามโดยตรง ขณะที่ Tu-142 Bear เป็นเครื่องบินลาดตระเวณและต่อต้านเรือดำน้ำ
กระนั้นเขาชี้แจงว่า เอฟ/เอ-18 จำนวน 4 ลำ ต้องทะยานขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน เพื่อสกัดและเข้าประกบเครื่องบินของรัสเซียตามขั้นตอนมาตรฐาน เนื่องจากหนึ่งที่เรือที่ล่องร่วมกับยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน พยายามติดต่อกับเครื่องบินรัสเซียทางวิทยุ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง
"มันเป็นขั้นตอนปฏิบัติการตามมาตรฐานสำหรับเครื่องบินสหรัฐฯที่ต้องเข้าประกบเครื่องบินใดๆที่บินอยู่บริเวณใกล้เคียงเรือของกองทัพเรืออเมริกา" เดวิสกล่าว "ทุกครั้งที่มีเครื่องบินปฏิบัติการใกล้ๆกับเรือกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรือบรรทุกเครื่องบิน เราจำเป็นต้องดำเนินการและทำให้แน่ใจว่าเรากำลังติดตามมันอย่างใกล้ชิด"
โฆษกบอกต่อว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว "มันไม่บ่อยครั้งนัก แต่ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียและสหรัฐฯ เพิ่งลงนามในบันทึกความเข้าใจกำหนดระเบียบการด้านการบินเหนือท้องฟ้าซีเรียเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยทั้งมอสโกและวอชิงตัน ต่างกำลังปฏิบัติการถล่มทางอากาศแยกกันในประเทศที่ถูกสงครามฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะดำเนินการกันอยู่คนละภาค แต่ก็มีความกังวลว่าเครื่องบินของทั้งสองฝ่ายอาจเกิดอุบัติเหตุไม่พึงประสงค์บนท้องฟ้า