เอเจนซีส์ – เรือดำน้ำและเรือสอดแนมของรัสเซียแล่นเฉียดสายเคเบิลใต้ทะเลซึ่งใช้สำหรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ซึ่งทำให้กองทัพและหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เกรงว่า เครือข่ายเคเบิลสื่อสารเหล่านี้อาจตกเป็นเป้าหมายโจมตีของมอสโกหากสงครามปะทุขึ้น หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวานนี้ (25 ต.ค)
แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ารัสเซียมีแผนดังกล่าวจริง แต่เสียงสะท้อนเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงความหวาดระแวงที่อเมริกาและชาติพันธมิตรมีต่อการขยายบทบาททางทหารของแดนหมีขาว
นิวยอร์กไทม์ส ชี้ว่า ผู้บัญชาการทหารเรือและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำและเรือสอดแนมรัสเซีย บริเวณแนวสายเคเบิลซึ่งทอดจากทะเลเหนือไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และน่านน้ำที่อยู่ใกล้สหรัฐฯ
“หากประเทศใดก็ตามคิดจะป่วนการทำงานของเครือข่ายเคเบิลสื่อสาร ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่เนื่องจากภารกิจของเรือดำน้ำจัดเป็นข่าวกรอง เราจึงไม่ขอเผยรายละเอียด” วิลเลียม มาร์กส โฆษกผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ บอกกับนิวยอร์กไทม์ส
เดือนที่แล้ว วอชิงตันได้เฝ้าจับตาเรือสอดแนม “ยันตาร์” (Yantar) ของรัสเซียที่ติดตั้งยานดำน้ำทะเลลึก 2 ลำ ขณะเดินทางจากชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ มุ่งหน้าไปยังคิวบา ซึ่งน่านน้ำดังกล่าวมีสายเคเบิลใต้ทะเลที่ไปเชื่อมไปยังฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม
เจ้าหน้าที่กองทัพเรือบอกกับไทม์สว่า เรือยันตาร์และยานดำน้ำที่ติดมากับเรือ มีศักยภาพพอที่จะลงไปตัดสายเคเบิลซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ทะเลหลายกิโลเมตรได้
โดยปกติสายเคเบิลใต้น้ำอาจได้รับความเสียหายจากสมอเรือหรือภัยธรรมชาติ ซึ่งสามารถซ่อมแซมได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่เพนตากอนหวั่นเกรงก็คือ รัสเซียอาจเลือกโจมตีสายเคเบิลซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ทะเลมากๆ ซึ่งการจะหาจุดที่เคเบิลถูกตัดและซ่อมแซมทำได้ยากลำบากกว่า
เครือข่ายเคเบิลใต้ทะเลถูกใช้ในการทำธุรกรรมทั่วโลกคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน และเป็นช่องทางส่งผ่านสัญญาณสื่อสารทั่วโลกมากกว่า 95%