xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวกรองสหรัฐฯเตือน “ชาวคาทอลิกในไนจีเรีย” มีสิทธิโดน "โบโกฮารัม" ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สูงถึง 200,000 คน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ /เอเจนซีส์ – หลังจากกลุ่มมุสลิมติดอาวุธโบโกฮารัมส่งสัญญาณพยายามที่จะโจมตีเมืองไมดูกูรี (Maidugur) ที่มีประชาชนอาศัยร่วม 2 ล้านคนทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ทำให้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯล่าสุดและผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาเตือนว่า ชาวไนจีเรียที่นับถือศาสนาคริสต์มีสิทธิโดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สูงถึง 200,000 คน

“พวกโบโกฮารัมดูเหมือนจะลงมือแน่ที่ไมดูกูรี”เจย์ ปีเตอร์ ฟาม (J. Peter Pham) ผู้อำนวยการโปรเจกต์แอฟริกาในแอตแลนติกเคาน์ซิล สะท้อนเสียงเตือนจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ โดยฟามเชื่อคล้ายกับผู้เชี่ยวชาญรายอื่นๆว่า กลุ่มมุสลิมติดอาวุธโบโกฮารัม “ได้ส่งคนเข้าไปปะปน” ร่วมกับฝูงผู้ลี้ภัยที่หนีภัยก่อการร้ายโบโกฮารัม “เพราะทางกลุ่มนี้ได้เคยทำในที่อื่นก่อนหน้านี้ที่พวกเข้าได้เข้าโจมตี ดังนั้นไมดูกูรีจึงไม่ใช่ข้อยกเว้น” ฟามกล่าว

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลสำหรับเมืองไมดูกูรีที่มีชุมชนคริสเตียนใหญ่ที่สุดในไนจีเรีย คือชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกร่วม 200,000 คนอาศัยอยู่ ซึ่งในการโจมตีรอบก่อนหน้านี้ โบโกฮารมเสนอทางรอดตายให้กับชาวคริสต์ด้วยการเปลี่ยนศาสนาหากไม่อยากต้องจบชีวิต และพบว่ามีโบสถ์ชาวคริสต์ร่วม 200 แห่งโดนกลุ่มติดอาวุธเข้าจู่โจม

และหากโบโกฮารัมสามารถเข้ายึดไมดูกูรีสำเร็จ จะส่งผลทางยุทธศาสตร์ในการบที่ทำให้กลุ่มติดอาวุธนี้สามารถแผ่อิทธิพลไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน เช่น แคเมรูน ชาด และไนเจอร์ ซึ่งดินแดนในประเทศเหล่านี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นรัฐอิสลามที่อยู่ภายใต้การปกครองของคอลิฟะห์ที่มีอายุยาวนานถึง 600 ปี แต่ล่มสลายลงไปในช่วง 1300 แต่โบโกฮารัมที่มี ได้ประกาศคอลิฟะห์ของตนเองไม่นานมานี้

และหากถึงแม้จะเป็นแค่ความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ที่กลุ่มติดอาวุธสามารถปักธงประจำกลุ่มสีดำโบกไสวในจุดใดของไมดูกูรีได้ จะถือว่าเป็นชัยชนะทางสัญลักษณ์ของกลุ่ม “ถึงแม้โบโกฮารัมอาจสามารถโบกธงสีดำประจำกลุ่มในไมดูกูรีได้ในช่วงเวลาอันสั้น แต่จะส่งอานุภาพสูงไปยังรัฐบาลกลางไนจีเรีย” ฟามกล่าว

ในขณะนี้กลุ่มติดอาวุธมีสมาชิกราว 4,000 - 6,000 คน และกลุ่มเด็กชายที่ถูกลักพาตัวจากครอบครัว ที่ล้วนแต่ติดอาวุธ และมีการพัฒนาแทคติกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น “พวกเขาปฎิบัติการอย่างรวดเร็ว และเป็นวงกว้าง เพราะดูเหมือนโบโกฮารัมมีศักยภาพในการจู่โจมในระดับใหญ่ขึ้น” แหล่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯให้ความเห็น โดยอ้างจากการเข้าจูโจมในเดือนที่ผ่านมาซึ่งครอบคลุมถึง 16 หมู่บ้าน และเมืองบากา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไมดูกูรี โดยมีผู้ประเมินว่ามีการเสียชีวิตสูงถึง 2,000 คนในการโจมตีครั้งนั้น

นอกจากนี้พบว่า มีหลักฐานแสดงว่า กลุ่มโบโกฮารัมได้ลองทดสอบความเข้มแข็งของการรักษาความปลอดภัยในบริเวณชายขอบของไมดูกูรี อาเหม็ด ซานนา (Ahmed Zanna) สว. รัฐบอน์โนเผยกับNBC News สื่อสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี(13) ว่า กลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยคาดว่าจะเป็นโบโกฮารัมได้เข้าจู่โจมหมู่บ้าน Mbuta ห่างไปราว 15 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไมดูกูรี สังหารชีวิตคนไป 8 คน รวมไปถึงจุดไฟเผาอาคารบ้านเรือน และทำให้ชาวบ้านต้องหนีตายจ้าละหวั่น “มีบางคนถูกเผาทั้งเป็น” ซานนากล่าวในขณะที่อยูในเมืองไมดูกูรี และเสริมว่าในวันพฤหัสบดี(13)มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 12 คนในการโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตายในBiu ห่างไปราว 100 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ และยืนยันว่า หากเมืองไมดูกูรีถูกบุกจริง ชาวบ้านจะรวมตัวเพื่อสู้ป้องกันเมืองไว้

แต่จอห์น แคมป์เบล(John Campbell) อดีตเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำไนจีเรีย และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ Bunche Center แห่งสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ CFR (Council on Foreign Relations) ชี้ว่า การวิเคราะห์ของCFRระบุว่า มีเพียงถนนเส้นทางเดียวที่เข้าออกไมดูกูรีที่ยังไม่ได้ถูกกลุ่มโบโกฮารัมยึดไว้

“มีเชือกบ่วงรัดคอถูกพบรอบไมดูกูรี” แคมป์เบลกล่าว โดยอ้างถึงการเข้าโจมตีล่าสุดบริเวณหมู่บ้านตั้งรอบทะเลสาบชาด ที่ตัดเส้นทางเข้าออกทางเหนือ และทางตะวันออก “มีถนนเส้นเดียวเปิดอยู่ มุ่งหน้าไปทางตะวันตก ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะถูกเข้ายึด” แคมป์เบลกล่าว

ซึ่งแหล่งข่าวและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่ให้ข้อมูลกับสื่อสหรัฐฯต่างคาดว่า โบโกฮารัมอาจเข้าบุกช่วงการเลือกตั้งทั่วไปไนจีเรีย ซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้งไนจีเรียในสัปดาห์ที่ผ่านมาเลื่อนกำหนดการเลือกตั้งจากวันวาเลนไทน์ไปยังวันที่ 28 มีนาคม แต่ยังยืนยันว่า พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีไนจีเรียคนใหม่จะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม

นอกจากนี้แหล่งข่าวกรองสหรัฐฯยืนยันว่า หากโบโกฮารัมบุกไมดูกูรีจริง กลุ่มติดอาวุธจะมีแทคติกใหม่ที่ก้าวหน้ามากไปกว่านี้ ซึ่งทางกลุ่มมีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศของไมดูกูรีเป็นอย่างดี ในช่วงปลาย 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีการจัดตั้งกลุ่มก่อการร้าย ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกขึ้นใกล้กับ “มัสยิดทางรถไฟ” ซึ่งติดกับสถานีรถไฟทางตะวันตกของเมือง ซึ่งกองทัพเฟเดอรอลได้โจมตีศูนย์ฝึกแห่งนี้ในปี 2009 สังหาร โมฮัมเหม็ด ยูร์ซุป ( Mohammed Yusuf) ผู้นำกลุ่มในขณะนั้น ซึ่งในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นพวกสายกลาง ซึ่งมีผู้นำคนใหม่ อาบูบาการ์ เชเกา (Abubakar Shekau)ขึ้นมาแทน

ซึ่งแคมป์เบลคาดว่า ในเบื้องต้นทางโบโกฮารัมมีเป้าหมายไปที่อดีตแคมป์การฝึกบริเวณ “มัสยิดทางรถไฟ” เพื่อจะเพิ่มประสิทธิภาพ โดยแหล่งข่าวกรองสหรัฐฯและผู้เชี่ยวชาญคิดตรงกันว่า คงยังเป็นการยากที่โบโกฮารัมจะเข้าครอบครองเมือง แต่กระนั้นที่ผ่านมาในอดีตทางกลุ่มก่อการร้ายนี้เคยสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น