รอยเตอร์ – กองทัพเรือเกาหลีใต้ยิงปืนเตือนใส่เรือตรวจการณ์ของเกาหลีเหนือลำหนึ่งใกล้กับเขตแดนทางทะเลพิพาทของทั้งสองประเทศนี้ ซึ่งในอดีตเคยมีทหารเรือของทั้งสองฝ่ายถูกสังหารระหว่างการยิงแลกเปลี่ยนกัน ทั้งสองฝ่ายเผยในวันนี้ (25)
เหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (24) มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการจัดงานรวมญาติของบรรดาครอบครัวที่พลัดพรากจากกันในช่วงสงครามเกาหลีปี 1950-1953 ภายใต้ข้อตกลงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ยุติการเผชิญหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นและเรียกร้องให้มีการพัฒนาความสัมพันธ์
กองทัพเรือเกาหลีใต้ยิงปืนหลายนัดใส่เรือตรวจการณ์เกาหลีเหนือลำหนึ่งที่ข้ามเขตแดนทางทะเลพิพาทเมื่อวันเสาร์ (24) ทำให้พวกเขาต้องล่าถอยออกไป เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมแดนโสมขาวในกรุงโซลกล่าวผ่านทางโทรศัพท์ โดยขอไม่ให้ระบุชื่อ
ฝ่ายเกาหลีเหนือไม่ได้ยิงปืนกลับหรือดำเนินการอื่นใด เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว
โสมแดงไม่ยอมรับสิ่งที่เรียกกันว่าแนวจำกัดตอนเหนือ (NLL) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นในช่วงสิ้นสุดสงครามเกาหลีในฐานะเขตแดนทางทะเล โดยยืนกรานว่าแนวดังกล่าวต้องล้ำลงไปทางใต้มากกว่านี้
โดยหลักการแล้วทั้งสองแดนโสมยังคงอยู่ในภาวะสงครามเนื่องจากไม่ได้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพหลังจบสงคราม และแม้ว่าจะมีความพยายามทำให้ความสัมพันธ์กลับเป็นปกติ แต่คาบสมุทรแห่งนี้ก็ยังคงแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายอย่างตึงเครียด
ด้านโฆษกเกาหลีเหนือระบุว่า เกาหลีใต้ยิงปืนใส่เรือของพวกเขาที่กำลังดำเนินปฏิบัติการ “ตามปกติ” และเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็น “การยั่วยุอย่างร้ายแรง” พร้อมเตือนว่าการกระทำเช่นนี้อาจจุดชนวนการเผชิญหน้าทางทหารและเติมเชื้อไฟให้กับความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
“จะมีเพียงหายนะจากสงครามเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาความสัมพันธ์สองเกาหลีเลย ตราบใดที่ผู้กระหายสงครามในกองทัพเกาหลีใต้ยังคงไม่ยั้งคิดอยู่” โฆษกนิรนามรายหนึ่งกล่าวในความคิดเห็นที่ถูกรายงานโดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการ
การปะทะทางทะเลในภูมิภาคนี้นับตั้งแต่ปี 1999 ได้คร่าชีวิตทหารของทั้งสองฝั่งไปแล้วหลายสิบคน ในปี 2010 เรือกองทัพโสมขาวไดถูกตอร์ปิโดยิงใส่และจมลงพร้อมกับคร่าชีวิตทหารเรือ 46 คน เกาหลีใต้โทษว่าเป็นฝีมือโสมแดง แต่เปียงยางปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ
เมื่อเดือนสิงหาคม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ ซึ่งได้ยุติการเผชิญหน้าบริเวณพรมแดนทางบกที่เกิดการยิงปืนใหญ่แลกเปลี่ยนกัน งานรวมญาติครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวหนึ่งในการปรับปรุงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ