รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงลดอุณหภูมิเดือดปลดชนวนวิกฤตในช่วงเช้ามืดวันอังคาร (25 ส.ค.) ตามหลังการเจรจามาราธอนยาวนานกว่า 2 วัน เพื่อยุติการเผชิญหน้าอันเกี่ยวเนื่องกับเหตุยิงปืนใหญ่เข้าใส่กันซึ่งผลักให้คาบสมุทรเข้าสู่ภาวะความตึงเครียดทางทหารขั้นสูงสุด
ภายใต้ข้อตกลงที่เห็นพ้องกันหลังผ่านเที่ยงคืนวันจันทร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ทั้งสองฝ่ายบอกในถ้อยแถลงร่วมว่า เกาหลีเหนือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ที่มีทหารเกาหลีใต้ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิด ส่วนโซลก็ยินยอมระงับแพร่กระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านเปียงยาง
นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงร่วมระบุด้วยว่า เกาหลีเหนือตอบตกลงที่จะยกเลิกคำสั่งที่ดูเหมือนเป็นการประกาศภาวะสงคราม โดยจากนี้ไปทั้งสองฝ่ายจะได้มีการพูดคุยหารือกันในประเด็นต่างๆ อีกหลายครั้งเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์
“มันมีความสำคัญอย่างยิ่งจากที่ประชุมนี้ที่เกาหลีเหนือได้ขอโทษสำหรับเหตุยั่วยุกับระเบิดและให้สัญญาจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกและดำเนินการต่างๆเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด” คิม ควานจิน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ แถลงสั้นๆ ผ่านสถานีโทรทัศน์
ก่อนหน้านี้เปียงยางย้ำมาตลอดว่าไม่ได้เป็นคนวางกับระเบิด และในถ้อยแถลงก็ไม่ได้โยนความรับผิดชอบใส่พวกเขาอย่างชัดเจน
การเจรจาอย่างมาราธอนที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งอยู่ภายในเขตปลอดทหาร (DMZ) คั่นระหว่างสองชาติเกาหลี เริ่มต้นมาตั้งแต่วันเสาร์ (22 ส.ค.) ไม่นานหลังจากผ่านเส้่นตายที่เปียงยางขีดให้โซลระงับกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อ ไม่อย่างนั้นก็จะเจอมาตรการทางทหาร
ในทางเทคนิคแล้ว เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในสถานะสงคราม เนื่องจากสงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-1953 ยุติลงจากข้อตกลงหยุดยิงแต่ไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพกัน เหตุตึงเครียดที่ลุกลามล่าสุดนี้เริ่มต้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลังทหารเกาหลีใต้เหยียบกับระเบิดในเขตปลอดทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งโซลกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของเปียงยาง จากนั้นไม่กี่วันต่อมาเกาหลีใต้ก็เริ่มกลับมาออกมากระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อผ่านลำโพงตามแนวชายแดนอีกครั้ง
การเผชิญหน้าเข้าสู่จุดวิกฤตเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) หลังเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่เข้าใส่เกาหลีใต้ 4 ลูก ส่วนโซลก็ยิงตอบโต้กลับอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตามไม่มีฝ่ายไหนได้รับความสูญเสีย
จากนั้นเปียงยางก็ยื่นคำขาดให้โซลระงับการแพร่กระจายเสียงภายในช่วงบ่ายวันเสาร์ (22 ส.ค.) ไม่อย่างนั้นก็จะเจอปฏิบัติการทางทหาร แต่ในวันเดียวกันนั้นเองทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องเปิดเจรจาด้วยผู้แทนระดับสูงของทั้งสองประเทศ