เอเอฟพี - หมอกควันจากการเผาพื้นที่ป่าบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียวของอินโดนีเซียเริ่มลามไปไกลจนถึงภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ ขณะที่ทางการต้องประกาศเตือนพลเมืองให้สวมใส่หน้ากากอนามัย วันนี้ (23 ต.ค.)
เกาะมินดาเนา เกาะใหญ่ทางใต้ของฟิลิปปินส์อยู่ห่างจากจุดที่เกิดไฟป่ามากกว่า 1,200 กิโลเมตร ทว่า กระแสลมซึ่งหอบเอาหมอกควันข้ามทะเลไปยังฟิลิปปินส์ส่งผลให้ระดับมลพิษเพิ่มขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
อีริค อะโปโลนีโอ โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนฟิลิปปินส์ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. มีการยกเลิกเที่ยวบินในประเทศแล้ว 2 เที่ยวบิน ขณะที่สนามบิน 10 แห่งทั่วเกาะมินดาเนาก็ต้องเผชิญปัญหาเที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากหมอกควันบดบังทัศนวิสัย
อะโปโลนีโอชี้ว่า สถานการณ์บางช่วงเลวร้ายถึงขั้นที่นักบินมองไม่เห็นรันเวย์ขณะจะนำเครื่องลงจอด
“ถ้านักบินมองไม่เห็นรันเวย์จะเสี่ยงอันตรายมาก เพราะเวลาทำการบินเราไม่สามารถพึ่งพาอุปกรณ์ช่วยได้ 100 เปอร์เซ็นต์” เขากล่าว
ท้องฟ้าเหนือเมืองดาเวา (Davao) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะมินดาเนา และมีประชากรราว 1.5 ล้านคน ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันในช่วงบ่ายวันนี้ (23) ทำให้ดูเหมือนฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติ
อะโปโลนีโอเผยว่า สนามบินเมืองดาเวาซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันไฟป่า มีเที่ยวบินขึ้น-ลงประมาณ 48 เที่ยวต่อวัน และบางเวลาที่ทัศนวิสัยลดลงไม่ถึง 1.2 กิโลเมตร นักบินก็จะต้องนำเครื่องบินวนอยู่นานเป็นชั่วโมง ทั้งนี้โดยปกติแล้วนักบินจะมองเห็นระยะทางข้างหน้าได้ไกลประมาณ 10 กิโลเมตร
อะโปโลนีโอชี้ว่า เนื่องจากสนามบินนานาชาติกรุงมะนิลาต้องรองรับเที่ยวบินขึ้น-ลงสูงสุดถึง 40 เที่ยวต่อชั่วโมง ความล่าช้าของเที่ยวบินจากเกาะมินดาเนาจึงส่งผลกระทบต่อคิวการขึ้นและลงจอดของเครื่องบินตลอดทั้งวัน
หมอกควันจากการเผาป่าเพื่อแปลงเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในอินโดนีเซียถือเป็นวิกฤตเรื้อรังที่สร้างความเดือดร้อนต่อเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย เป็นประจำทุกปี ค่ามลพิษในอากาศที่พุ่งสูงทำให้ประชาชนหลายพันคนล้มป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน รวมถึงงานอีเวนต์นานาชาติที่มีกำหนดจัดขึ้นในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ดี หมอกควันจากแดนอิเหนายังไม่เคยส่งผลกระทบต่อภาคใต้ของฟิลิปปินส์มากถึงขั้นนี้
วิกเตอร์ ฟลอเรส จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ บอกกับเอเอฟพีว่า สถานการณ์หมอกควันที่รุนแรงขึ้นอาจเป็นผลพวงจากไต้ฝุ่นคปปุ (Koppu) ที่เพิ่งพัดถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 18 ต.ค.
ลีนดอน ลี ซุย โฆษกสำนักงานสาธารณสุขแดนตากาล็อก ระบุว่า ค่ามลพิษยังไม่สูงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่ได้รับผลกระทบก็ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง
“ปริมาณ (หมอกควัน) แม้ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ฝุ่นละอองเพียงเล็กน้อยก็อาจกระตุ้นให้ผู้ที่ป่วยเป็นหอบหืด หรือโรคปอดอุดตันเรื้อรัง อาการกำเริบได้”