เอเอฟพี - กองกำลังสหรัฐฯ ผนึกกำลังกับทหารเคิร์ดบุกโจมตีเรือนจำของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทางภาคเหนือของอิรักเมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) และสามารถช่วยชีวิตตัวประกันออกมาได้ 70 คนก่อนที่พวกเขาอาจจะถูกไอเอสสังหารหมู่ ทว่าปฏิบัติการซึ่งมีขึ้นในช่วงรุ่งสางทำให้ทหารอเมริกันบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 นาย ซึ่งนับเป็นการสูญเสียเลือดเนื้อครั้งแรกของฝ่ายสหรัฐฯ ในสงครามกวาดล้างไอเอสที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2014
ปีเตอร์ คุก เลขานุการฝ่ายสื่อของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า มีนักรบไอเอส 5 รายถูกจับกุมและอีกหลายคนถูกสังหาร ในปฏิบัติการโจมตีและช่วยชีวิตใกล้เมืองฮาวิยาห์
“ภารกิจครั้งนี้มีการวางแผนอย่างรอบคอบ และเราตัดสินใจลงมือหลังได้รับข้อมูลมาว่า ตัวประกันทั้งหมดอาจจะถูกสังหารหมู่เร็วๆ นี้” คุกระบุในคำแถลง
การโจมตีไอเอสครั้งนี้นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการพลิกบทบาทของกองกำลังอเมริกันในอิรัก ซึ่งเดิมทีถูกส่งเข้าไปเพื่อช่วยสนับสนุนกองทัพแบกแดด แต่จะไม่ร่วมรบในแนวหน้า ตามนโยบายของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งยืนยันว่าสหรัฐฯ จะ “ไม่ใช้ทหารภาคพื้นดิน”
คุกกล่าวปฏิเสธเรื่องที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า กองทัพสหรัฐฯ กำลังจะขยายบทบาทในอิรักหรือไม่
“นี่คือสถานการณ์เฉพาะ” เขากล่าว พร้อมระบุว่าปฏิบัติการโจมตีคุกไอเอสได้รับไฟเขียวจากรัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์ และมีการแจ้งให้ทำเนียบขาวรับทราบล่วงหน้า
“รัฐบาลเคิร์ดร้องขอความช่วยเหลือจากเรา” เขากล่าวเสริม และย้ำว่าทหารสหรัฐฯ ไม่ได้ปฏิบัติภารกิจสู้รบแนวหน้าในอิรักอย่างแน่นอน
ชาวบ้านอิรักให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า พวกเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์ชีนุกหลายลำเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ และจุดตรวจของไอเอสในพื้นที่หลายจุดก็ตกเป็นเป้าหมายโจมตีทางอากาศ
คุกระบุว่า หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ พร้อมเฮลิคอปเตอร์ได้ติดตามกองกำลัง “เปชเมอร์กา” ของเคิร์ดไปยังที่ตั้งคุกไอเอส โดยทหารอเมริกันที่บาดเจ็บและเสียชีวิตลงนั้น “เพราะพยายามช่วยเหลือทหารเปชเมอร์กาที่ถูกพวกไอเอสระดมยิงใส่”
เขายืนยันด้วยว่า หน่วยคอมมานโดนายนี้ถือเป็นทหารสหรัฐฯ คนแรกที่เสียชีวิตในสงคราม นับตั้งแต่ตั้งแต่ปี 2011
“ตัวประกันราว 70 คน รวมถึงกองกำลังความมั่นคงอิรักอีกมากกว่า 20 นาย ถูกช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย” คุกกล่าว พร้อมระบุว่าปฏิบัติการครั้งนี้ยังช่วยให้สหรัฐฯ ได้ “ข้อมูลข่าวกรองที่สำคัญ” เกี่ยวกับพวกไอเอสด้วย
มัสรูร์ บาร์ซานี ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองเคิร์ด เปิดเผยว่า ทหารสหรัฐฯ และเคิร์ดสามารถช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้ 69 คน ส่วนนักรบไอเอสถูกจับได้ 6 คน และตายไปมากกว่า 20 คน
พล.อ.ลอยด์ ออสติน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯในภูมิภาคตะวันออกกลาง เอ่ยถึงภารกิจช่วยชีวิตครั้งนี้ว่า “มีความซับซ้อน และประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม”
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเคิร์ดในเมืองเคอร์คุกให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า คุกแห่งนี้เดิมเป็นบ้านพักของผู้พิพากษาในเมืองดังกล่าว
ชาวบ้านคนหนึ่งเผยว่า พวกแกนนำไอเอสในเมืองฮาวิยาห์ “หายหัวกันไปหมด” หลังถูกสหรัฐฯ โจมตี
“พวกแกนนำดาเอชในฮาวิยาห์หายหัวกันไปหมด ที่ทำการของพวกเขาถูกปิดเงียบ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหนีไปไหน” เขากล่าว โดยใช้คำว่า “ดาเอช” ซึ่งเป็นชื่อย่อของกลุ่มไอเอสในภาษาอาหรับ
พ.อ.สตีฟ วอร์เรน โฆษกกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ ในอิรัก ชี้ว่า การกดดันจากสหรัฐฯ “เริ่มที่จะสร้างความหวาดผวาภายในองค์กรของพวกก่อการร้าย”
“ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เราสังหารแกนนำระดับกลางและสูงของไอเอสไปได้แล้ว 70 คน ถ้าคิดเป็นค่าเฉลี่ยก็ประมาณ 1 คนทุกๆ 2 วัน เพราะฉะนั้นแกนนำไอเอสจึงอยู่ในภาวะกดดันและหวาดผวาพอสมควร และทำให้พวกเขาเริ่มสอบสวนพวกเดียวกันเอง”