เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันร่วงลงแรงเมื่อวันจันทร์ (19 ต.ค.) ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนหวนคืนมาอีกรอบ หลังพบข้อมูลเติบโตอ่อนแอ ปัจจัยนี้ฉุดให้วอลล์ตรีทปิดในกรอบแคบๆ ส่วนทองคำปิดลบหนัก จากการขายทำกำไรของนักลงทุน
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จีน ชาติเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลก เผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 3 ขยายตัวร้อยละ 6.9 แม้เหนือกว่าตลาดคาดหมายเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าเป็นการขยายตัวน้อยที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2009 ขณะที่ช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา จีดีพีของจีนขยายตัวที่ร้อยละ 7.0
นอกจากนี้แล้วรายงานของปักกิ่งยังเผยด้วยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศในเดือนกันยายน ขยายตัวร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนสิงหาคมที่ขยายตัวร้อยละ 6.1
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (19 ต.ค.) ปิดบวกเล็กน้อย หลังการปรับขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยี ช่วงบรรเทาการดิ่งลงของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคปิโตรเลียม ตามหลังราคาน้ำมันร่วงลงหนักและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 14.57 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.230.54 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.55 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,033.66 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 18.78 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,905.47 จุด
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคปิโตรเลียมต่างปิดลบกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกดาวโจนส์อย่าง เชฟรอน ที่ปิดลบร้อยละ 1.4 และอีโอจี รีซอร์ซ ปิดลบร้อยละ 3.1 จากน้ำมันที่ลงหนัก หลังรัฐบาลจีนรายงานเศรษฐกิจเติบโตอ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 6 ปี
อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีทสามารถปิดบวกในกรอบแคบๆ จากแรงพยุงของห้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเน็ตฟลิกซ์ ปิดบวกร้อยละ 2.7 และไพรซ์ไลน์ ปิดบวกร้อยละ 3.0
ส่วนราคาทองคำวันจันทร์ (19 ต.ค.) ขยับลงวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ จากการขายทำกำไรหลังทะยานขึ้นต่อเนื่อง จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเร็วๆ นี้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,172.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์