เอเจนซีส์ – กองกำลังทหารอิสราเอลหลายร้อยนายถูกส่งเข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มและเมืองอื่นๆในวันพุธ(14)เพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่ หลังเกิดเหตุชาวปาเลสไตน์ไล่แทง และกราดยิงชาวอิสราเอลอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
กองทัพอิสราเอลเริ่มปฎิบัติขึ้นหลังจากเกิดเหตุรถประจำทางในเยรูซาเล็มตะวันออกถูกคนร้ายชาวปาเลสไตน์จำนวน 2 คนใช้มีดและปืนพกทำร้ายผู้โดยสารชาวยิว รวมไปถึงเหตุชาวปาเลสไตน์ใช้รถพุ่งชนประชาชนชาวยิวที่กำลังยืนรอรถประจำทางที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งจากเหตุทั้งหมดทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีก 20 คน
และส่งผลทำให้คณะรัฐมนตรีอิสราเอลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูได้อนุมัติให้มีมาตรการความปลอดภัยที่มากขึ้นในค่ำวันอังคาร(13)
ซึ่งมาตราการนี้รวมไปถึงได้ขยายขอบเขตการปฎิบัติการของตำรวจอิสราเอล เพิกถอนสถานภาพการเป็นผู้พำนักถาวรในอิสราเอลต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย รวมไปถึงอนุญาตให้ทางตำรวจสามารถล้อมจุดที่ต้องสงสัยว่าจะอยู่เบื้องหลังการปลุกระดมเพื่อทำให้ไม่สงบ และท้ายสุดสั่งการให้ส่งกองกำลังทหารลงประจำการในจุดต่างๆของเมือง รวมไปถึงถนนเส้นต่างๆ
ด้าน มิกกี โรเซนเฟลด์ (Micky Rosenfeld)โฆษกตำรวจอิสราเอลได้ให้สัมภาษณ์สื่อสหรัฐฯ NBC ว่า ทหารจำนวน 300 นายปฎิบัติงานภายใต้การสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอิสราเอล และภายในตัวเมืองเยรูซาเลมมีการเข้มงวดการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
และนอกจากนี้ในวันพุธ(14)ยังมีการตั้งด่านตรวจขึ้นที่เมืองจาบาล อัล มูคาเบอร์( Jabal al Mukaber) ติดกับเยรูซาเล็มตะวันออก ที่จะมีเจ้าหน้าทอิสราเอลคอยยืนประจำพร้อมอาวุธตรวจทั้งคนในพื้นที่และรถราที่ผ่าน ซึ่งสื่อสหรัฐฯชี้ว่า คนร้ายก่อเหตุในเยรูซาเล็มตะวันออกส่วนมากอาศัยที่เมืองแห่งนี้
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคอร์รี กล่าวเมื่อวานนี้(13)ว่า เขาได้ติดต่อกับทั้งเนทันยาฮูและประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส และในอนาคตจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม