รอยเตอร์ - ศาลสูงมาเลเซียปัดตกคำร้องคัดค้านกฎหมายห้ามแต่งกายข้ามเพศในวันนี้ (8) นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการต่อสู้เพื่อสิทธิของสังคมคนข้ามเพศในประเทศนี้ ในขณะที่แนวคิดอนุรักษนิยมอิสลามกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
ภาพลักษณ์ของมาเลเซียในฐานะผู้ส่งเสริมศาสนาอิสลามสายกลางได้ผุกร่อนลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในขณะที่ทางการและบุคคลสำคัญทางการเมืองพยายามผลักดันมาตรการต่าง ๆ ให้เข้มงวดขึ้น โดยมีหลายคดีที่ต่อสู้คัดค้านกฎหมายศาสนาในศาลพลเรือนต้องถูกปัดตกไป
“หลังจากวันนี้ไป เราคงกังวลถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของสังคมคนข้ามเพศ” Thilaga Sulathireh นักเคลื่อนไหวตัวแทนผู้อุทธรณ์ที่เป็นคนข้ามเพศกล่าว
“แน่นอนว่าเราผิดหวัง เราคาดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเราจึงค่อนข้างเตรียมพร้อมสำหรับคำตัดสินดังกล่าว” เธอกล่าวเสริม
คำพิพากษาในวันนี้ (8) พลิกกลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ให้สิทธิชาวมุสลิมที่เป็นคนข้ามเพศสามารถแต่งการข้ามเพศ ซึ่งถูกห้ามภายใต้กฎหมายอิสลามของรัฐ
ศาลรัฐบาลกลางระบุว่า พวกเขาปฏิเสธคดีนี้เนื่องจาก “การไม่ยอมปฏิบัติตามขั้นตอน”
“ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าผู้อุทธรณ์ถูกละเมิดสิทธิประการใดหรือไม่” ผู้พิพากษา ราอุส ชาริฟ กล่าว โดยอ้างถึงการจับกุมชาย 3 คนฐานแต่งกายข้ามเพศ
“มันเป็นเรื่องของอำนาจศาล” ราอุส กล่าว พร้อมเสริมว่า ศาลอื่น ๆ ไม่มีสิทธิพิจารณาคดีนี้เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับสิทธิที่จะออกกฎหมายของรัฐ
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ศาลสูงของประเทศนี้ได้ห้ามไม่ให้หนังสือพิมพ์คริสต์ภาคภาษามาเลย์ฉบับหนึ่งใช้คำว่า “อัลเลาะห์” เพื่อสื่อความหมายถึงพระเจ้า ซึ่งเท่ากับเป็นการห้ามไม่ให้คนที่ไม่ใช้มุสลิมใช้คำนี้ไปโดยปริยาย
ในอีกตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินคดีที่รุนแรงขึ้น คือ การที่ อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี จากการร่วมเพศทางทวารหนัก ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในแดนเสือเหลือง โดยอันวาร์ชี้ว่าคดีนี้มาจากแรงจูงใจทางการเมือง
แอชตัน ไปวา ทนายความของบุคคลข้ามเพศกลุ่มดังกล่าว ระบุว่า จะมีการตัดสินใจว่าจะทำอะไรกันต่อไปหลังจากการเฝ้าติดตามว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไปตลอดจนการจับกุมใด ๆ อีกหรือไม่
คำตัดสินในวันนี้ (8) หมายความว่า การห้ามแต่งกายข้ามเพศจะยังมีอยู่ต่อไป ทีมทนายของหน่วยงานศาสนาของรัฐเนกรีเซมบีลันทางภาคตะวันตกที่อยู่เบื้องหลังการจับกุมดังกล่าวระบุ