คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในงานสรุปผลงานและสถิติของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และ ดิวิชั่น 1 ประจำฤดูกาล 2015 มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ อาทิ ตลอดฤดูกาล ลีกสูงสุดแข่งขัน 306 นัด มีสกอร์ 0-0 จำนวน 135 นัด, มีจุดโทษ 89 ครั้ง, ยอดขายของที่ระลึกกว่า 66 ล้านบาท และยอดขายตั๋ว เกือบ 160 ล้านบาท โดยมีผู้ชมเกือบ 2 ล้านคน ส่วนยอดผู้ชมสูงสุดเป็นทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งฤดูกาล 318,321 คน ขายบัตรได้เกือบ 23 ล้านบาท สินค้าที่ระลึกเฉียด 23 ล้านบาท รวมแล้วพุ่งไปใกล้ถึง 46 ล้านบาท ซึ่งก็น่าสนใจดีสำหรับคนชอบสถิติทั้งหลาย
แต่เรื่องที่ไม่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าพูดออกมา คือ เรื่องการห้ามฟ้องศาลในประเทศของสโมสรต่างๆ ในลีกไทย ด้วยเหตผลว่าหากไม่พอใจคำตัดสินใดๆ ให้ไปฟ้องกันที่ศาลกีฬาโลก แต่หากใครฝ่าฝืนอาจมีการขับสโมสรดังกล่าวออกจากลีกทันที
เรื่องนี้ตลกมาก มันไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่อย่างใด พูดแบบนี้อาจมีคนถามว่าแล้วปัญหามันอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่การตัดสินของผู้บริหารลีกนั่นแหละ ยกตัวอย่าง กรณี สุโขทัย เอฟซี กับ นครปฐม ยูไนเต็ด เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2558 เกมที่ทีม "ค้างคาวไฟ" เปิดบ้านรับ "เสือป่าราชา" นัดนั้นเจ้าถิ่นนำ 1-0 มาถึงนาทีที่ 54 ก็ต้องยุติการแข่งขัน เพราะพายุลูกเห็บเข้า สร้างความเสียหายหนัก ไฟดับแข่งต่อไม่ได้ แม้จะมีไฟฟ้าสำรองแต่พายุมันหนักจริงๆ ใครอยู่ในสนามวันนั้นจะรู้ว่ามันอันตรายมาก พื้นที่บางส่วนของสนามก็เสียหาย
จากนั้นมีการหยิบขึ้นมาพิจารณา ปรากฎว่าสั่งลงโทษ สุโขทัย ฐานะเจ้าบ้านไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อได้ ปรับแพ้ 0-2 (มันยุติธรรมไหม? ) ก่อนที่ทางเจ้าถิ่นจะยื่นอุทธรณ์ว่าเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติใหญ่ แล้วคนที่ให้ยุติการแข่งขันก็คือผู้ควบคุมการแข่งขันเอง เพราะมองว่าไม่ปลอดภัยต่อทั้งแฟนบอลและนักกีฬา ซึ่งคำตัดสินจากเดิมพลิกกลับมาเป็น แข่งขันใหม่จากนาทีที่ 54 และคงสกอร์ สุโขทัย นำ 1-0 รวมถึงผู้เล่นที่โดนใบเหลือง ใบแดง ก็คงเดิม แต่วันแข่งขันรอยืนยันอีกที
แต่พอผลออกมาแบบนี้ ฝ่ายคู่แข่งเขาก็มองว่าไม่ยุติธรรม เพราะเกมนั้นแข่งไปแล้วแต่เจ้าถิ่นไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ตามกฎ สุดท้ายกลับคำตัดสินกันอีกครั้ง แล้วกลายเป็นว่าให้แข่งใหม่ทั้ง 90 นาที วันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ที่สนามเอสซีจี สเตเดียม อันเป็นสนามกลาง และห้ามแฟนบอลทั้ง 2 ทีมเข้าชม ทีนี้มันจะจบได้อย่างไร เมื่อ สุโขทัย เองยอมรับผลการตัดสินนี้ไม่ได้ ยื่นต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งศาลก็รับ นอกจากนี้ สุโขทัย ยืนยันว่าต้องการแข่งขันที่บ้าน ด้วยเวลาที่เหลืออยู่อีก 39 นาที พร้อมสกอร์ที่นำอยู่ 1-0 เหมือนเดิมเท่านั้น ที่สำคัญเกมนัดนี้มีผลต่อการเลื่อนชั้นของ 3 ทีม ประกอบด้วย บีบีซียู ทีมอันดับ 3 นำอยู่แค่คะแนนเดียว ขณะที่ 2 ทีมอย่าง สุโขทัย และนครปฐม ทั้งคู่มีแต้มเท่ากัน ใครชนะไปลีกสูงสุดทันที แต่หากเสมอ บีบีซียู คาบไปรับประทานทันที
เห็นไหมว่านี่แค่กรณีตัวอย่างกรณีเดียว เรื่องเกิดกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ลากกันมาจนจะจบปี ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย แบบนี้สะท้อนมาตรฐานการทำงานของใคร ตัดสินได้ยุติธรรมหรือไม่ แล้วคำตัดสินทำไมถึงกลับไปกลับมา พอผู้คนไม่เชื่อถือ แล้วจะห้ามเขาฟ้องศาลในประเทศที่มีอำนาจการคุ้มครองชั่วคราวเลยหรือ มองตัวเองกันบ้างว่าเป็นต้นตอของปัญหาหรือเปล่า...
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในงานสรุปผลงานและสถิติของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และ ดิวิชั่น 1 ประจำฤดูกาล 2015 มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ อาทิ ตลอดฤดูกาล ลีกสูงสุดแข่งขัน 306 นัด มีสกอร์ 0-0 จำนวน 135 นัด, มีจุดโทษ 89 ครั้ง, ยอดขายของที่ระลึกกว่า 66 ล้านบาท และยอดขายตั๋ว เกือบ 160 ล้านบาท โดยมีผู้ชมเกือบ 2 ล้านคน ส่วนยอดผู้ชมสูงสุดเป็นทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งฤดูกาล 318,321 คน ขายบัตรได้เกือบ 23 ล้านบาท สินค้าที่ระลึกเฉียด 23 ล้านบาท รวมแล้วพุ่งไปใกล้ถึง 46 ล้านบาท ซึ่งก็น่าสนใจดีสำหรับคนชอบสถิติทั้งหลาย
แต่เรื่องที่ไม่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าพูดออกมา คือ เรื่องการห้ามฟ้องศาลในประเทศของสโมสรต่างๆ ในลีกไทย ด้วยเหตผลว่าหากไม่พอใจคำตัดสินใดๆ ให้ไปฟ้องกันที่ศาลกีฬาโลก แต่หากใครฝ่าฝืนอาจมีการขับสโมสรดังกล่าวออกจากลีกทันที
เรื่องนี้ตลกมาก มันไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่อย่างใด พูดแบบนี้อาจมีคนถามว่าแล้วปัญหามันอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่การตัดสินของผู้บริหารลีกนั่นแหละ ยกตัวอย่าง กรณี สุโขทัย เอฟซี กับ นครปฐม ยูไนเต็ด เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2558 เกมที่ทีม "ค้างคาวไฟ" เปิดบ้านรับ "เสือป่าราชา" นัดนั้นเจ้าถิ่นนำ 1-0 มาถึงนาทีที่ 54 ก็ต้องยุติการแข่งขัน เพราะพายุลูกเห็บเข้า สร้างความเสียหายหนัก ไฟดับแข่งต่อไม่ได้ แม้จะมีไฟฟ้าสำรองแต่พายุมันหนักจริงๆ ใครอยู่ในสนามวันนั้นจะรู้ว่ามันอันตรายมาก พื้นที่บางส่วนของสนามก็เสียหาย
จากนั้นมีการหยิบขึ้นมาพิจารณา ปรากฎว่าสั่งลงโทษ สุโขทัย ฐานะเจ้าบ้านไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อได้ ปรับแพ้ 0-2 (มันยุติธรรมไหม? ) ก่อนที่ทางเจ้าถิ่นจะยื่นอุทธรณ์ว่าเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติใหญ่ แล้วคนที่ให้ยุติการแข่งขันก็คือผู้ควบคุมการแข่งขันเอง เพราะมองว่าไม่ปลอดภัยต่อทั้งแฟนบอลและนักกีฬา ซึ่งคำตัดสินจากเดิมพลิกกลับมาเป็น แข่งขันใหม่จากนาทีที่ 54 และคงสกอร์ สุโขทัย นำ 1-0 รวมถึงผู้เล่นที่โดนใบเหลือง ใบแดง ก็คงเดิม แต่วันแข่งขันรอยืนยันอีกที
แต่พอผลออกมาแบบนี้ ฝ่ายคู่แข่งเขาก็มองว่าไม่ยุติธรรม เพราะเกมนั้นแข่งไปแล้วแต่เจ้าถิ่นไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ตามกฎ สุดท้ายกลับคำตัดสินกันอีกครั้ง แล้วกลายเป็นว่าให้แข่งใหม่ทั้ง 90 นาที วันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ที่สนามเอสซีจี สเตเดียม อันเป็นสนามกลาง และห้ามแฟนบอลทั้ง 2 ทีมเข้าชม ทีนี้มันจะจบได้อย่างไร เมื่อ สุโขทัย เองยอมรับผลการตัดสินนี้ไม่ได้ ยื่นต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งศาลก็รับ นอกจากนี้ สุโขทัย ยืนยันว่าต้องการแข่งขันที่บ้าน ด้วยเวลาที่เหลืออยู่อีก 39 นาที พร้อมสกอร์ที่นำอยู่ 1-0 เหมือนเดิมเท่านั้น ที่สำคัญเกมนัดนี้มีผลต่อการเลื่อนชั้นของ 3 ทีม ประกอบด้วย บีบีซียู ทีมอันดับ 3 นำอยู่แค่คะแนนเดียว ขณะที่ 2 ทีมอย่าง สุโขทัย และนครปฐม ทั้งคู่มีแต้มเท่ากัน ใครชนะไปลีกสูงสุดทันที แต่หากเสมอ บีบีซียู คาบไปรับประทานทันที
เห็นไหมว่านี่แค่กรณีตัวอย่างกรณีเดียว เรื่องเกิดกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ลากกันมาจนจะจบปี ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย แบบนี้สะท้อนมาตรฐานการทำงานของใคร ตัดสินได้ยุติธรรมหรือไม่ แล้วคำตัดสินทำไมถึงกลับไปกลับมา พอผู้คนไม่เชื่อถือ แล้วจะห้ามเขาฟ้องศาลในประเทศที่มีอำนาจการคุ้มครองชั่วคราวเลยหรือ มองตัวเองกันบ้างว่าเป็นต้นตอของปัญหาหรือเปล่า...
