เอเอฟพี – กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก G7 และรัฐอ่าวอาหรับประกาศมอบเงินอุดหนุน 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อนำไปเป็นทุนช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากซีเรีย วานนี้ (29 ก.ย.)
คำมั่นสัญญาจากกลุ่มประเทศเหล่านี้มีขึ้น หลังจากเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน ได้แถลงระหว่างเปิดประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นว่า สำนักงานผู้ลี้ภัยยูเอ็นกำลังอยู่ในสถานะ “ถังแตก”
“เราตกลงที่จะมอบเงินอุดหนุนจำนวน 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่หน่วยงานบรรเทาทุกข์ในสังกัดยูเอ็น โดยเฉพาะสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย และโครงการอาหารโลก (WFP)” แฟรงก์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม G7 ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ได้มีการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศคูเวต กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัฐมนตรีจากชาติยุโรปอื่นๆ จนนำมาซึ่งข้อตกลงมอบวงเงินอุดหนุนดังกล่าว
ยูเอ็นพยายามที่จะระดมทุนช่วยเหลือประชากรโลกราว 60 ล้านคนที่ต้องพลัดถิ่นฐานเพื่อหนีภัยสงคราม ซึ่งนับเป็นตัวเลขผู้ลี้ภัยสูงที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง
ปัจจุบันมีชาวซีเรียที่หนีสงครามกลางเมืองออกนอกประเทศแล้วราวๆ 4 ล้านคน โดยหลายแสนคนกำลังมุ่งหน้าสู่ทวีปยุโรปเพื่อหวังตั้งต้นชีวิตใหม่
สงครามซีเรียและวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ในยุโรปจะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติวันนี้ (30 ก.ย.) ในขณะที่ผู้นำชาติมหาอำนาจยังคงเห็นต่างเกี่ยวกับแนวทางที่จะยุติเหตุนองเลือด
รัสเซียจะเป็นประธานในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติว่าด้วยภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งคาดว่าวิกฤตการณ์ในซีเรียจะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือด้วย
ด้านเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน ก็จะเป็นเจ้าภาพในการประชุมวิกฤตผู้ลี้ภัยยุโรป ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อหาข้อตกลงร่วมระดับนานาชาติในการรับมือปัญหานี้
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าวขอบคุณรัฐบาลเยอรมนีและประเทศผู้บริจาคอื่นๆ ที่ประกาศจะมอบเงินอุดหนุนภารกิจด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น
“เรากำลังอยู่ในภาวะถังแตก” เขากล่าว พร้อมยอมรับว่า หน่วยงานของยูเอ็นไม่สามารถแม้แต่จะให้ความช่วยเหลือ “ขั้นต่ำสุด” แก่ผู้ลี้ภัยที่เข้าไปอาศัยอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย
โครงการระดมทุนช่วยเหลือพลเมืองในอิรัก ซูดานใต้ และเยเมน ได้รับวงเงินอุดหนุนเพียงครึ่งหนึ่งของที่ยูเอ็นเรียกร้องไป ขณะที่วงเงินช่วยเหลือสำหรับซีเรียก็เพิ่งได้รับบริจาคมาเพียง 1 ใน 3