รอยเตอร์ - อัยการเยอรมนีเริ่มลงมือสืบสวนนายมาร์ติน วินเตอร์คอร์น อดีตซีอีโอของโฟล์คสวาเกนตามข้อกล่าวฉ้อฉลแล้วในวันจันทร์ (28 ก.ย.) จากเรื่องอื้อฉาวต่อกรณีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์แห่งนี้โกงการทดสอบไอเสียเครื่องยนต์ดีเซล
ส่วนโฟล์คสวาเกนได้สั่งพักงานวิศวกรระดับสูง 3 คน ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้ต้องประสบกับวิกฤตทางธุรกิจครั้งเลวร้ายที่สุดประวัติศาสตร์ 78 ปีที่กัดเซาะมูลค่าด้านการตลาดของบริษัทถึง 1 ใน 3 แถมยังคุกคามอุตสาหกรรมยานยต์ทั่วโลกและอาจก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจเยอรมนี
โฟล์คสวาเกนยอมรับว่าโกงการทดสอบไอเสียในสหรัฐฯ แต่รัฐมนตรีคมนาคมเยอรมนีชี้ว่าบริษัทแห่งนี้ได้โกงการทดสอบในยุโรปด้วย ทั้งนี้ ในยุโรปยอดขายของโฟล์คสวาเกนนั้นสูงกว่าในอเมริกามาก
ความเคลื่อนไหวที่ย้ำถึงความตั้งใจของเยอรมนีในการหาผู้รับผิดชอบต่อวิกฤตที่ทำให้ภาพลักษณ์ทางอุตสากรรมของประเทศในเวทีโลกต้องแปดเปื้อน สำนักงานอัยการเยอรมนีเผยว่านายวินเตอร์คอร์นกำลังถูกสืบสวนตามข้อกล่าวหาฉ้อฉล จากการจำหน่ายรถยนต์ที่มีการตกแต่งข้อมูลด้านมลพิษ
นายวินเตอร์คอร์นซึ่งถูกแทนตำแหน่งโดยนายแมตเธียส มุลเลอร์ เมื่อวันศุกร์ (25 ก.ย.) กล่าวระหว่างแถลงลาออกในสัปดาห์ที่แล้ว ว่าในส่วนของเขานั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องอื้อฉาว แต่ต้องการเปิดทางให้บริษัทได้เริ่มต้นใหม่ และยังเห็นด้วยสำหรับแต่งตั้งบริษัทกฎหมายสหรัฐฯดำเนินการสืบสวนอย่างสมบูรณ์
ในสัญญาณที่แสดงว่าทางโฟล์คสวาเกน ก็กำลังพยายามจัดการวิกฤตของตนเอง แหล่งข่าวใกล้ชิดกับเรื่องนี้เผยในวันจันทร์ (28 ก.ย.) ว่าโฟล์คสวาเกน สั่งพักงาน ไฮนซ์-จาค็อบ นอยส์เซอร์ หัวหน้าพัฒนาตราสินค้า รวมถึงอุลริช ฮัคเคนเบอร์ก หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของออดี ซึ่งดูแลด้านการพัฒนาเทคนิคของบริษัทในเครือทั้งหมด เช่นเดียวกับ โวล์ฟกัง ฮัตซ์ ประธานวิจัยและพัฒนาของปอร์เช ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบส่งและเครื่องยนต์ของกลุ่มบริษัทโฟล์คสวาเกน
แหล่งข่าวเผยว่านายฮัคเคนเบอร์ก กำลังใช้มาตรการทางกฎหมายคัดค้านการตัดสินใจดังกล่าว ส่วนทางโฟล์คสวาเกนและออดี้ปฏิเสธแสดงความเห็นต่อเนื่องนี้ ขณะที่เหล่าผู้บริหารที่ถูกสั่งพักงานยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว เช่่นเดียวกับนายวินเตอร์คอร์น ซึ่งกุมบังเหียนโฟล์คสวาเกนมายาวนานเกือบ 9 ปี ก่อนลาออกไปเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสัญญาณว่าวิกฤตจะจบลงแค่นี้ เมื่อล่าสุดหนังสือพิมพ์เยอรมนี 2 ฉบับออกมาแฉเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ย.) ว่าเจ้าหน้าที่ของโฟลค์สวาเกนเองและหนึ่งในซัปพลายเออร์ของบริษัท เคยเตือนเมื่อหลายปีก่อนว่าการติดตั้งซอฟต์แวร์พิเศษควบคุมมลพิษในรถยนต์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยซอฟต์แวร์นี้จะเปิดใช้งานเฉพาะตอนที่รถยนต์เข้ารับการตรวจสอบการปล่อยไอเสีย แต่ระบบจะถูกปิดลงระหว่างที่มีการขับขี่ตามปกติ ซึ่งเท่ากับเป็นการปกปิดปริมาณการปล่อยมลพิษที่แท้จริง
Transport & Environment(T&E) กลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเผยแพร่ข้อมูลใหม่ในวันจันทร์ (28 ก.ย.) แสดงให้เห็นว่ามีรถยนต์เมอร์เซเดส บีเอ็มดับเบิลยูและเปอโยต์บางส่วนใช้น้ำมันมากกว่าผลการทดสอบทางปฏิบัติการบ่งชี้ พร้อมระบุว่ามันคือหลักฐานที่ชี้ว่าอุตสากรรมนี้มีปัญหามากกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม ทาง T&E ซึ่งประสานงานใกล้ชิดกับคณะกรรมาธิการยุโรป ชี้แจงว่าข้อมูลนี้ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าบริษัทอื่นๆมีการใช้ติดตั้งซอฟต์แวร์พิเศษควบคุมมลพิษเหมือนกับทางโฟล์คสวาเกน
หุ้นของโฟล์คสวาเกนดิ่งลงราวร้อยละ 35 นับตั้งแต่ยอมรับโกงการทดสอบไอเสีย ทำให้บริษัทสูญเสียมูลค่าด้านการตลาดไปกว่า 25,000 ล้านยูโร และผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้กำลังถูกดำเนินการสืบสวนจากหลายชาติและมีโอกาสโดนปรับจากเหล่าคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบและอัยการ เช่นเดียวกับถูกฟ้องร้องจากลูกค้า