รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – มาเลเซียเรียกตัวเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบ เพื่อขอให้อธิบายเรื่องที่เขาออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์ลัทธิสุดโต่งและลัทธิเหยียดผิวกีดกันเชื้อชาติ ก่อนหน้าจะมีการจัดชุมนุมมุ่งสนับสนุนชาวเชื้อชาติมาเลย์ขึ้นในนครหลวงกัวลาลัมเปอร์
“เดอะสตาร์” หนังสือพิมพ์ในมาเลเซียรายงานเมื่อวันศุกร์ (25 ก.ย.) ที่ผ่านมาว่า เอกอัครราชทูต หวง ฮุ่ยคัง (Huang Huikang) ของจีน ได้กล่าวเตือนว่าปักกิ่งนั้นไม่เกรงกลัวเลยเมื่อจะต้องพูดคัดค้านการกระทำ ซึ่งเป็นการคุกคามต่อผลประโยชน์ของตน และส่งผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของประชาชนของตน
“รัฐบาลจีนนั้นคัดค้านลัทธิก่อการร้าย และคัดค้านรูปแบบใดๆ ก็ตามที่เป็นการแบ่งแยกกีดกันในทางเชื้อชาติ ตลอดจนรูปแบบใดๆ ก็ตามของลัทธิสุดโต่ง” เดอะสตาร์อ้างคำพูดของ หวง
มีรายงานว่า หวงแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ ก่อนหน้าการจัดการชุมนุมซึ่งกลุ่มโปรรัฐบาลที่สมาชิกแทบทั้งหมดเป็นคนเชื้อชาติมาเลย์ กำหนดจัดขึ้นมาเพื่อเรียกร้องให้ชาวมาเลย์ได้สิทธิที่จะเข้าร่วมทำการค้าขายในถนนเปตาลิ่ง (Petaling Street) ซึ่งเวลานี้ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นของคนเชื้อจีน
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีผู้สื่อข่าวสอบถามไป
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียแถลงว่า จะเรียกเอกอัครราชทูตหวง มาพบในวันจันทร์ (28) เพื่อขอให้อธิบายแจกแจงการแสดงความคิดเห็นของเขา ซึ่ง “ดึงดูดความสนใจและก่อให้เกิดความกังวลขึ้นในหมู่สาธารณชนชาวมาเลเซีย”
รายงานข่าวระบุว่า หวงแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ ระหว่างไปเยือนตลาดถนนเปตาลิ่ง หรือที่รู้จักกันว่าเป็น “ไชน่าทาวน์” ของกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันศุกร์ (25)
ทางด้านพวกผู้จัดการชุมนุมแถลงในคืนวันศุกร์ (25) ว่า พวกเขาตัดสินใจยกเลิกการชุมนุมประท้วงที่ถนนเปตาลิ่งตามที่วางแผนกันไว้แล้ว เนื่องจากตำรวจมาขอร้อง
ก่อนหน้านี้ ผู้ชุมนุมประมาณ 30,000 คน ซึ่ง “ใส่เสื้อแดง” และแทบทั้งหมดเป็นคนเชื้อชาติมาเลย์ ได้ออกมาชุมนุมเดินขบวนกันเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เพื่อแสดงการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ผู้ซึ่งกำลังต่อสู้กับข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชั่นและการบริหารจัดการอย่างผิดพลาด ทั้งนี้ภายหลังมีการเปิดเผยว่ากองทุนเพื่อการพัฒนา “1MDB” ซึ่งเป็นกองทุนของรัฐที่เขาจัดตั้งขึ้นมาและกำลังอยู่ในฐานะเป็นหนี้เป็นสิน มีการโอนเงินเป็นจำนวนมากเข้าไปในบัญชีส่วนตัวของนาจิบ ต่อมาคณะรัฐมนตรีของนาจิบยอมรับว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีดังกล่าวจริง แต่เป็นเงินบริจาคทางการเมืองจากตะวันออกกลาง แล้วไม่ยอมอธิบายขยายรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ การชุมนุม “เสื้อแดง” ดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเป็นการตอบโต้การชุมนุมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลก่อนหน้านั้น ซึ่งนำโดยกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยที่มีนามว่า “เบอร์ซีห์” ซึ่งสามารถดึงดูดคนเชื้อจีนที่พำนักอาศัยตามตัวเมืองใหญ่ไปเข้าร่วมได้จำนวนมาก และถูกนักวิจารณ์ซึ่งเป็นชาวมาเลย์ติเตียนโจมตีว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ออกมาชุมนุมโดยสวม “เสื้อเหลือง” เหล่านั้น มีการแสดงออกซึ่งดูถูกดูหมิ่นผู้นำประเทศที่เป็นชาวมาเลย์