รอยเตอร์ – ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวานนี้ (15) ว่า สหรัฐฯต้องการเห็นรัสเซียมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่กำลังปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียมากกว่าเสริมสร้างบทบาททางทหารของตนเองที่นั่น
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้คุยกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในประเด็นนี้แต่จะพยายามทำเช่นนั้นเมื่อประธานาธิบดีโอบามา “เล็งเห็นว่ามันจะทำให้ผลประโยชน์ของเรารุดหน้า”
มหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศมีการติดต่อสื่อสารกันอยู่เนืองๆ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ เซอร์เกย์ ลอฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวเมื่อวันอังคาร (15) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเผย ซึ่งเป็นการพูดคุยกันครั้งที่ 3 นับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน
กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า เคร์รีได้อธิบายว่าการช่วยเหลือประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของรัสเซีย “เสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งนี้รุนแรงขึ้นและขยายวง และจะบั่นทอนเป้าหมายร่วมของเราในการสู้รบกับลัทธิหัวรุนแรง หากเราไม่มุ่งเน้นที่การหาทางออกให้กับความขัดแย้งในซีเรียด้วยวิธีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่แท้จริง”
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า ลาฟรอฟได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างแนวร่วมเพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ในซีเรีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับบทบาททางทหารที่เพิ่มมากขึ้นของรัสเซียในซีเรีย โดยระบุว่ามันดูเหมือนว่าจะมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐบาลของอัสซาด พันธมิตรเก่าแก่ของรัสเซีย มากกว่าพยายามทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ผู้นำทางการเมืองคนใหม่
“สิ่งที่เราอยากเห็นมากกว่าจากรัสเซียคือการมีส่วนร่วมเชิงสร้างสรรค์มากกว่านี้กับกลุ่มพันธมิตร 60 ชาติสมาชิกที่นำโดยสหรัฐฯซึ่งมุ่งเน้นลดทอนกำลังและทำลายกลุ่มไอซิลในท้ายที่สุด” เออร์เนสต์กล่าวในการบรรยายสรุป โดยเรียกกลุ่มไอเอสด้วยชื่อย่อจากอีกชื่อหนึ่ง
จอห์น เบรนแนน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) บอกกับผู้สื่อข่าวในเมืองออสตินรัฐเทกซัสว่า "มีความไม่เห็นพ้องกันโดยรากฐาน" ระหว่างวอชิงตันและมอสโคเกี่ยวกับบทบาทที่อัสซาดมีการทำให้ซีเรียเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักรบต่างชาติและกลุ่มติดอาวุธต่างๆ
รัสเซียได้ประจำการรถถัง T-90 จำนวน 7 คันและปืนใหญ่ที่สนามบินทหารแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองลาตาเกียที่มั่นสำคัญของอัสซาด ทหารราบกองทัพเรือรัสเซียราว 200 นายถูกส่งไปยังสนามบินดังกล่าวพร้อมกับค่ายพักชั่วคราว สถานีควบคุมการจราจรทางอากาศเคลื่อนที่ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ
เดโบราห์ เจมส์ เลขาธิการกองทัพอากาศอธิบายว่าการเสริมกำลังในซีเรียครั้งนี้เป็นอีก “กิจกรรมที่น่ากังวลของรัสเซีย”
“ดิฉันไม่คิดว่าเราเข้าใจดีเกี่ยวกับเรื่องนี้” เธอกล่าว “เห็นได้ชัดว่าความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะพยายามส่งเสริมระบอบที่กำลังทำให้มีผู้เสียชีวิตและการทำลายล้างขนาดนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่น่ายินดีเลย” เจมส์ กล่าวเสริม