เอเอฟพี/รอยเตอร์ - นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา มีชาวต่างชาติเดินทางไปยังอิรักและซีเรียเพื่อเข้าร่วมกับพวกญิฮัดแล้วเกือบ 30,000 คน ขณะที่สหรัฐฯ กำลังล้มเหลวในการสกัดอเมริกันชนไม่ให้มุ่งหน้าออกต่างแดนไปรบเคียงข้างพวกหัวรุนแรง ผลการศึกษาของสภาคองเกรสเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.)
ผลการศึกษา 6 เดือนของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎรที่ประกอบด้วยสมาชิกจากทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต บรรยายว่าโครงสร้างความมั่นคงแห่งชาติไม่พอเพียงที่จะจัดการกับแนวทางต่างๆมากมายก่ายกองที่พวกญิฮัดต่างชาติใช้ติดต่อและเกณฑ์อเมริกันชนเข้าเป็นพวก
“รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดยุทธศาสตร์ชาติสำหรับต่อสู้กับการเดินทางของพวกก่อการร้าย และไม่ได้คลอดยุทธศาสตร์ออกมาเกือบทศวรรษแล้ว” รายงานระบุ “การที่อเมริกันชนกำลังเปลี่ยนเป็นพวกสุดโต่งนิยมความรุนแรงเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่คาดคิดมาก่อน กำลังก่อความตึงเครียดแก่ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในการเฝ้าระวังและขัดขวางผู้ต้องสงสัยเหล่านั้น”
ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายยังไม่ทันกับเล่ห์เพทุบายทางเทคโนโลยี ขณะที่พวกญิฮัดซึ่งทำหน้าที่เกณฑ์สมาชิก หันมาใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นสื่อสารกับชาวอเมริกันมากขึ้น จีงเป็นเรื่องยากที่จะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่จะสกัดการเดินทางและยับยั้งแผนการต่างๆ
รายงานย้ำว่า เหล่านักรบต่างชาติบางส่วนที่บินไปยังซีเรีย เดิมทีมีความตั้งใจไปช่วยขับไล่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่ตอนนี้เกือบทั้งหมดกำลังเข้าร่วมกับพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) โดยมีแรงจูงใจคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของกาหลิบและเพื่อขยายสังคมอดกลั้นของกลุ่ม
นักรบต่างชาติที่เข้าร่วมกับกลุ่มญิฮัดอิสลามิสต์ต่างๆ มีชาวตะวันตกรวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 4,500 คน ในจำนวนนั้นเป็นอเมริกันชนราว 250 คนที่มีความเกี่ยวข้องหรือเข้าร่วมสู้รบเคียงข้างไอเอส
รายงานนำเสนอการค้นพบสำคัญๆและคำแนะนำต่างๆ และข้อเรียกร้องให้ทบทวนยุทธศาสตร์ต่อสู้กับการเดินทางของพวกก่อการร้าย เช่นเดียวกับหาแนวทางแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกันภายในและกับประเทศอื่นๆ ให้ดีกว่าเดิม
แต่ขณะเดียวกัน รายงานได้กล่าวโทษความอ่อนแอด้านความั่นคงในต่างแดน โดยเฉพาะในยุโรป “ช่องว่างด้านความมั่นคงในต่างแดนที่มีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ทำให้เป็นเรื่องง่ายที่พวกนักรบต่างชาติจะเดินทางไปยังจุดล่อแหลมก่อการร้ายและเพิ่มความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะสืบหาตัวพวกญิฮัดที่ผ่านการฝึกฝนแล้วและเดินทางเข้ามายังอเมริกาไม่พบ”
