รอยเตอร์ /เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – เจเรมี คอร์บีน ผู้ซึ่งได้ชื่อว่า มีจุดยืนทางการเมืองเป็นพวกเลื่อมใสลัทธิสังคมนิยม ได้รับเลือกในวันเสาร์ ( 12 ก.ย.) ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายค้านของอังกฤษอย่างพรรคเลเบอร์
คอร์บีน วัย 66 ปี กล่าวสุนทรพจน์หลังทราบว่าตนเองได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้นำพรรคเลเบอร์ โดยระบุถึง “การเปลี่ยนแปลง” ที่ตัวเขาจะผลักดันให้เกิดขึ้นในช่วงเวลานับจากนี้ และกล่าวขอบคุณบรรดาผู้สนับสนุน พร้อมให้คำมั่นจะต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมทางสังคมต่อคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส
รายงานข่าวระบุว่า คอร์บีนซึ่งเป็นผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติ ได้รับคะแนนเสียงราวร้อยละ 59.5 หรือ 251,417 คะแนนเสียง ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเลเบอร์คราวนี้ เอาชนะคู่แข่งที่เป็นสมาชิกระดับสูงของพรรคเลเบอร์หลายรายทั้งอีเวตต์ คูเปอร์ , แอนดี้ เบิร์นแฮม รวมถึงลิซ เคนดัลล์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองที่มีจุดยืน “เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ” และเป็นทายาททางการเมืองต่อจากอดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์
อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า จุดยืนทางการเมืองที่เป็นแบบซ้ายสุดขั้วของคอร์บีน อาจเป็นผลเสียต่อพรรคเลเบอร์ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าในสหราชอาณาจักรที่คาดว่าน่าจะมีขึ้นในปี ค.ศ. 2020 และอาจทำให้พรรคเลเบอร์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้แบบยับเยินอีกครั้งให้กับพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ไม่ต่างจากการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่ส่งให้นายกรัฐมนตรีสายกลาง-ขวาอย่างเดวิด คาเมรอน ได้กลับเข้ามาครองอำนาจเป็นสมัยที่สอง ซึ่งเป็นสมัยสุดท้าย
ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ไม่อาจลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกเป็นสมัยที่ 3 ตามบทบัญญัติทางกฎหมาย หมายความว่าคอร์บีน ผู้นำพรรคเลเบอร์คนใหม่ล่าสุด จะต้องขับเคี่ยวแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเมืองผู้ดีแข่งกับบรรดาทายาททางการเมืองของคาเมรอนในพรรคคอนเซอร์เวทีฟที่นำโดยจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลัง รวมถึงเธเรซา เมย์ รัฐมนตรีมหาดไทย และบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีจอมสีสันของกรุงลอนดอน