ชาวอังกฤษออกไปลงคะแนนวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่คาดกันว่าผลจะออกมาอย่างคู่คี่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยที่มีวี่แววว่าจะทำให้ประเทศนี้ได้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นครั้งแรกนับจากปี 1974 อีกทั้งยังอาจทำให้อังกฤษล่อแหลมต่อการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงเร่งรัดให้แคว้นสกอตแลนด์แยกตัวประกาศเอกราชเร็วขึ้น
พรรคคอนเซอร์เวทีฟของนายรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2010 กำลังต่อสู้ดิ้นรนหนักเพื่อให้ได้บริหารประเทศต่อ แต่จากผลสำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งหนึ่งวันพบว่า พรรคเลเบอร์ของเอ็ด มิลลิแบรนด์ มีคะแนนตีคู่เบียดสีจนไม่อาจชี้ชาดว่าใครจะชนะ
คาเมรอนนั้นอ้างว่า มีเพียงพรรคคอนเซอร์เวทีฟเท่านั้นที่สามารถสร้างรัฐบาลที่เข็มแข็งและมีเสถียรภาพ โดยพรรคนี้ชูนโยบายการสร้างงานและฟื้นเศรษฐกิจ ด้วยการให้สัญญาลดภาษีเงินได้สำหรับประชาชน 30 ล้านคน ควบคู่ไปกับการตัดลดการใช้จ่ายเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่ขณะนี้อยู่ในระดับ 5% ของจีดีพี
ด้านพรรคเลเบอร์ชูนโยบายการลดงบประมาณทุกปี รวมทั้งขึ้นภาษีผู้มีรายได้สูงสุดที่มีจำนวนเพียง 1% ของประชากร และปกป้องครอบครัวชนชั้นแรงงานตลอดจนบริการสาธารณสุขแห่งชาติที่ภาวะการเงินกำลังตึงเครียด
ผลสำรวจที่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟมีคะแนนนำเลเบอร์เพียง 2 จุดเท่ากับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่โพลจาก 7 สำนักที่เผยแพร่ออกมาในวันพุธ (6) ปรากฏว่า โพล 3 สำนักชี้ว่า สองพรรคใหญ่ได้คะแนนเท่ากัน อีก 3 โพลให้คอนเซอร์เวทีฟนำแค่ 1 จุด และโพลสุดท้ายพบว่า เลเบอร์นำ 2 จุด
ปีเตอร์ เคลล์เนอร์ ประธานยูกอฟ บริษัทจัดทำโพลชั้นนำ ทำนายว่า คอนเซอร์เวทีฟจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 284 ที่นั่ง จากทั้งหมด 650 ที่นั่ง ส่วนเลเบอร์ได้ 263 ที่นั่ง, สก็อตติช เนชันแนล ปาร์ตี้ (เอสเอ็นพี) 48, ลิเบอรัล เดโมแครตส์ 31 และยูเนียน ยูเค อินดิเพนเดนซ์ ปาร์ตี้ (ยูเคไอพี) ที่ต่อต้านอียูได้ 2, กรีนส์ 1 และพรรคการเมืองจากเวลส์และไอร์แลนด์เหนือได้รวมกัน 21 ที่นั่ง
หากเป็นเช่นนั้นจริง พรรคใหญ่ทั้งสองพรรคต้องวิ่งจีบพรรคเล็กๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจออกมาในรูปรัฐบาลผสมแบบรัฐบาลชุดปัจจุบัน หรือรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องยอมแลกบางอย่างเพื่อให้ได้คะแนนเพียงพอผลักดันร่างกฎหมายสำคัญ และหากรัฐบาลชุดใหม่ไม่มั่นคงพอ อังกฤษอาจเผชิญความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและถึงขั้นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
พรรคคอนเซอร์เวทีฟของนายรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2010 กำลังต่อสู้ดิ้นรนหนักเพื่อให้ได้บริหารประเทศต่อ แต่จากผลสำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งหนึ่งวันพบว่า พรรคเลเบอร์ของเอ็ด มิลลิแบรนด์ มีคะแนนตีคู่เบียดสีจนไม่อาจชี้ชาดว่าใครจะชนะ
คาเมรอนนั้นอ้างว่า มีเพียงพรรคคอนเซอร์เวทีฟเท่านั้นที่สามารถสร้างรัฐบาลที่เข็มแข็งและมีเสถียรภาพ โดยพรรคนี้ชูนโยบายการสร้างงานและฟื้นเศรษฐกิจ ด้วยการให้สัญญาลดภาษีเงินได้สำหรับประชาชน 30 ล้านคน ควบคู่ไปกับการตัดลดการใช้จ่ายเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่ขณะนี้อยู่ในระดับ 5% ของจีดีพี
ด้านพรรคเลเบอร์ชูนโยบายการลดงบประมาณทุกปี รวมทั้งขึ้นภาษีผู้มีรายได้สูงสุดที่มีจำนวนเพียง 1% ของประชากร และปกป้องครอบครัวชนชั้นแรงงานตลอดจนบริการสาธารณสุขแห่งชาติที่ภาวะการเงินกำลังตึงเครียด
ผลสำรวจที่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟมีคะแนนนำเลเบอร์เพียง 2 จุดเท่ากับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่โพลจาก 7 สำนักที่เผยแพร่ออกมาในวันพุธ (6) ปรากฏว่า โพล 3 สำนักชี้ว่า สองพรรคใหญ่ได้คะแนนเท่ากัน อีก 3 โพลให้คอนเซอร์เวทีฟนำแค่ 1 จุด และโพลสุดท้ายพบว่า เลเบอร์นำ 2 จุด
ปีเตอร์ เคลล์เนอร์ ประธานยูกอฟ บริษัทจัดทำโพลชั้นนำ ทำนายว่า คอนเซอร์เวทีฟจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 284 ที่นั่ง จากทั้งหมด 650 ที่นั่ง ส่วนเลเบอร์ได้ 263 ที่นั่ง, สก็อตติช เนชันแนล ปาร์ตี้ (เอสเอ็นพี) 48, ลิเบอรัล เดโมแครตส์ 31 และยูเนียน ยูเค อินดิเพนเดนซ์ ปาร์ตี้ (ยูเคไอพี) ที่ต่อต้านอียูได้ 2, กรีนส์ 1 และพรรคการเมืองจากเวลส์และไอร์แลนด์เหนือได้รวมกัน 21 ที่นั่ง
หากเป็นเช่นนั้นจริง พรรคใหญ่ทั้งสองพรรคต้องวิ่งจีบพรรคเล็กๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจออกมาในรูปรัฐบาลผสมแบบรัฐบาลชุดปัจจุบัน หรือรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องยอมแลกบางอย่างเพื่อให้ได้คะแนนเพียงพอผลักดันร่างกฎหมายสำคัญ และหากรัฐบาลชุดใหม่ไม่มั่นคงพอ อังกฤษอาจเผชิญความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและถึงขั้นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่