เอเจนซีส์ – คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์ของไทย ออกมายืนยันล่าสุดว่า ผล DNA ซอลิน และเวพิว ของสองแรงงานพม่าผู้ต้องสงสัยสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์ บนเกาะเต่านั้นไม่ตรงกับหลักฐานบนจอบของกลาง ในขณะที่ซอลินได้เปิดเผยต่อศาลเกาะสมุยว่า โดนตำรวจไทยจับเปลือย และใช้ถุงพลาสติกครอบหัว รวมไปถึงปิดตาและเตะต่อย พร้อมขู่เอาชีวิต บังคับให้รับสารภาพ
เดอะวีก สื่ออังกฤษรายเมื่อวานนี้(11)ว่า คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ขึ้นให้การต่อศาลเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีในวันศุกร์(11)ถึงผลการตรวจ DNA ของสองผู้ต้องสงสัยแรงงานพม่าในคดีเกาะเต่า
ซึ่งคุณหญิงหมอพรทิพย์ได้กล่าวว่า DNA จำนวน 2 ตัวอย่างที่ถูกพบบนอาวุธสังหาร “จอบ” นั้น ตัวอย่างแรกอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในขณะที่ตัวอย่างที่สองอยู่ในสภาพที่ใช้ได้แค่บางส่วน แต่ทว่า "ตัวอย่าง DNA ทั้งสองกลับไม่ตรงกับ DNA ของซอลิน และเวพิว" แรงงานพม่าที่ถูกตำรวจสอบสวนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรสังหาร
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไทยยืนยันว่า DNA ของผู้ต้องสงสัยตรงกับ DNA ที่ถูกพบบนร่างของเหยื่อผู้เสียชีวิต นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์
และในศาลเกาะสมุยที่มีการไต่สวนในคดีเกาะเต่าในวันศุกร์(11) ยังมีการให้ข้อมูลด้วยว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้จัดการอย่างไม่เหมาะสมต่อสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไม่ทดสอบรอยคราบเลือดที่ถูกพบในที่เกิดเหตุ และมีการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ร่าง และเป็นเหตุทำให้หลักฐานสำคัญทางนิติวิทยาศาสตร์ถูกทำลาย แพทย์หญิงพรทิพย์กล่าว
และนอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์ไทยยังให้การต่อว่า เจ้าหน้าที่ไทยยังไม่ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุจำนวนมากพอเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์สถานที่เกิดเหตุได้
ซึ่งแคธี สตอลลาร์ด (Katie Stallard) นักข่าวสกายนิวส์ของอังกฤษประจำภูมิภาคเอเชียให้ความเห็นว่า การไต่สวนล่าสุดของคดีเกาะเต่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายที่พบว่า ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ขึ้นให้การขัดแย้งในประเด็นสำคัญกับการทำคดีเกาะเต่าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งก่อนหน้านี้จากการรายงานของเดลี เทเลกราฟ สื่ออังกฤษ ได้ระบุว่า จำเลยชาวพม่าทั้งสองเคยอ้างว่า “ถูกตำรวจไทยทรมาน” เพื่อให้ยอมรับสารภาพ
โดยการให้การในชั้นศาลในวันศุกร์(11) ซอลิน จำเลยชาวพม่าอ้างว่า ในคืนเกิดเหตุหลังจากที่เขาได้เลิกจากงาน เขาได้ร่วมดื่มกับเวพิวเพื่อนชาวพม่าในบริเวณชายหาดที่เกิดเหตุ แต่ทว่าอัยการฝ่ายไทยกลับโต้ว่า คนทั้งคู่สังหารวิทเธอริดจ์และมิลเลอร์หลังจากพบภาพที่คนทั้งคู่กำลังมีเพศสัมพันธ์
และนอกจากนี้ ซอลินยังให้การต่อศาลไทยอีกว่า เขาถูกตำรวจสอบสวนจับเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อให้ได้รับความอับอาย และยังใช้ถุงพลาสติกคลอบไว้ทั้งศรีษะพร้อมกับตะโกนถามว่า “มึงทำใช่ไม้”
และจำเลยชาวพม่ายังเปิดเผยต่อศาลไทยต่อโดยอ้างว่า เขาถูกมัดปิดตา และโดนเตะต่อยทำร้าย และยังถูกขู่จะเอาชีวิตว่า เขาจะโดนสังหารและร่างจะถูกโยนลงทะเลเสียหากไม่ยอมรับในข้อกล่าวหา โดยซอลินระบุว่า “ตำรวจไทยบอกว่า หากผมยอมรับกระทำผิด ผมจะถูกติดคุกเพียงแค่ 4-5 ปีเท่านั้นก่อนได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ”
เดอะวีกรายงานเพิ่มเติมว่า ครอบครัวของมิลเลอร์ได้บินมาร่วมการฟังการไต่สวนที่ศาลเกาะสมุย ในขณะที่ครอบครัวของวิทเธอริดจ์ชมการไต่สวนผ่านทางวิดีโอลิงก์จากอังกฤษ
และเป็นที่คาดว่า เวพิวจะขึ้นให้การต่อศาลเกาะสมุยถึงการโดนตำรวจทรมานเพื่อให้รับสารภาพเช่นเดียวกับซอลินในวันถัดไป
ด้าน คิงสลี แอบบ็อต ( Kingsley Abbott)ที่ปรึกษาด้านกฎหมายจากองค์กรคณะกรรมาธิการลูกขุนระหว่างประเทศได้ให้ความเห็นในเรื่อง ผู้ต้องสงสัยชาวพม่าถูกทรมานเพื่อรับสารภาพว่า ในประเด็นการที่ผู้ต้องหาถูกทรมานนั้น เห็นควรให้มีการดำเนินการตรวจสอบภายใต้กฎหมายอนุสัญญาสากลว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel)
นอกจากนี้ เดอะวีกยังรายงานเพิ่มเติมว่า เดลีเทลีกราฟได้ชี้ในประเด็นว่า รัฐบาลทหารของไทยพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ทุกฝ่ายเชื่อว่า คดีสังหารนักท่องเที่ยวอังกฤษบนเกาะเต่าได้ยุติแล้วในเมื่อครั้งที่ซอลิน และเวพิวถูกจับกุม พร้อมกับทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเชื่อว่า พวกเขาจะปลอดภัยในขณะที่ท่องเที่ยวในไทย