เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ล่าสุดผู้ประท้วงเนปาลไม่ต่ำกว่า 6 คนต้องจบชีวิตหลังจากปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลทางใต้ของประเทศในการประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ที่เริ่มต้นจัดทำมาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งในสาระสำคัญ เนปาลจะถูกแบ่งออกเป็น 7 จังหวัด และทำให้เผ่าต่างๆ ถูกจำกัดในจำนวนตัวแทนเข้าสู่สภา และความรุนแรงต่อต้านกฎรัฐธรรมนูญใหม่เนปาลนี้ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คน รวมไปถึงตำรวจเนปาล 11 นาย และทารกวัยแค่ 18 เดือน
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (12) ว่า ตำรวจเนปาลแถลงในวันเสาร์ (12) ว่ามีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำว่า 5 คน หลังจากความตรึงเครียดในการประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่เนปาลเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่วันวันศุกร์ (11) เมื่อบรรดากลุ่มผู้ประท้วงได้ลากตำรวจเนปาลที่ได้รับบาดเจ็บออกจากรถพยาบาลฉุกเฉินและฆ่าทิ้ง จากการที่กลุ่มผู้ประท้วงโกรธแค้นที่ก่อนหน้านั้นตำรวจปราบจลาจลเนปาลได้ใช้ปืนยิงใส่ผู้ประท้วง และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 คน
หนึ่งในผู้ประท้วงที่ถูกตำรวจเนปาลยิงเป็นสตรี หลังจากเธอได้ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวในเขตมาฮอตตารี (Mahottari) และมีผู้ประท้วงอีก 3 คนเสียชีวิตเช่นกันในวันพุธ (9)
“ผู้ประท้วงที่เสียชีวิตจำนวน 5 คน ซึ่งมี 2 คนเสียชีวิตที่เขตมาฮอตตารี และอีก 3 คนเสียชีวิตที่เขต ธนุสะ (Dhanusa) โดยคนทั้งหมดถูกสังหารหลังจากตำรวจปราบจลาจลได้ระดมยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงสายฮาร์ดคอร์ทั้งหลายเมื่อวานนี้” คาเมล ซิงห์ บาม (Kamal Singh Bam) โฆษกตำรวจเนปาลได้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในวันนี้ (12) ซึ่งได้ให้ข้อมูลถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดจากการปะทะที่เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (11)
และเสริมต่อว่า “มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกสังหารรวมอยู่ในนี้ด้วย”
เอเอฟพีรายงานว่า ด้าน พุสปา ราม เคซี (Pushpa Ram KC) โฆษกตำรวจเนปาลหน่วยจู่โจม ได้กล่าวว่า “ม็อบจำนวน 150 คนได้หยุดรถพยาบาลฉุกเฉินที่กำลังนำตัวผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ลากตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บออกมา และนำตัวเขาไปที่ทุ่งในบริเวณใกล้เคียง และสังหาร รวมไปถึงจุดไฟเผารถพยาบาลคันนี้ทิ้ง” และยังพบว่า ในความรุนแรงทางการเมืองล่าสุดของเนปาลนี้ มีคนต้องเสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 คน รวมไปถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจ 11 นาย และเด็กทารกวัยแค่ 18 เดือน ซึ่งม็อบผู้ประท้วงต่อต้านกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะมีการจัดแบ่งเขตการปกครองใหม่ออกเป็น 7 จังหวัด
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า การประท้วงต่อต้านกฎหมายรัฐธรรมนูม่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงในภาคใต้ของเนปาลซึ่งมีเผ่าชนกลุ่มน้อยมาเดสี (Madhesi) และเผ่าชนกลุ่มน้อยตารุ (Tharu) ซึ่งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาต่างให้ความเห็นว่าการจัดแบ่งการปกครองใหม่จะทำให้ตัวแทนจากชนเผ่าของพวกตนที่จะเข้าสู่สภาเนปาลมีจำนวนน้อยลง
และเป็นที่น่าสนใจเมื่อพบว่า เนปาลเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยกลุ่มชนเผ่ามากมาย
โดยชาวเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไปในประเทศเนปาลได้แก่ เผ่าคุรุง (Gurung) และเผ่ามาคาร์ (Magar) อาศัยอยู่ท่างทิศตะวันตกและทางตอนใต้ของที่ราบแนวเทือกเขาอรรณาปุรณะ หิมาชูริ และคเณศหิมัล เผ่าราย (Rai) เผ่าลิมบู (Limbu) และเผ่าซูนูวาร์ (Sunuwar) อาศัยตามเทือกเขา หุบเขาแนวที่ลาด และหมู่บ้านทางทิศตะวันออก เผ่าเชอร์ปา (Sherpa) และเผ่ากุรข่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย บนความสูงระดับ 4,570 เมตร เผ่าเนวาร์ (Newar) ซึ่งเป็นเผ่าที่มีความสำคัญมาก อาศัยอยู่ในแถบเมือหลวงกาฐมาณฑุ นอกจากนี้ยังมีเผ่าตารุ (Tharu) เผ่ายาดาวา (Yadava) เผ่าซาตาร์(Satar) เผ่าราชบันชิ (Rajbanshi) และเผ่าธิมัล (Dhimal) ที่อาศัยตามที่ลุ่มในเขตเตไร ส่วนพวกพราหมณ์ (Brahman) เผ่าเฉตริ(Chhetri) เผ่าฐากูรี (Thakuri) จะกระจายอยู่ทั่วไป
ก่อนหน้านี้ในปี 2009 กลุ่มกบฏเหมาอิสม์เคยประกาศเสนอเขตปกครองอิสระนี้ก็เพื่อกดดันรัฐบาลเนปาลในขณะนั้นให้ตระหนักว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของเนปาล ต้องเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งในขณะนั้นทางกลุ่มกบฏยึดการประกาศเขตพื้นที่ปกครองใหม่จากพื้นฐานโดยยึดตามชนชาติที่อาศัย โดยในการประกาศตามแผนการของเหมาอิสม์จะมีรัฐปกครองอิสระทั้งหมด 13 แห่งทั่วเนปาล
ด้านคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนเนปาลได้ออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ (11) เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายที่กำลังเผชิญหน้าในเหตุประท้วง เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างสันติ และพร้อมกันนั้นต้องการให้รัฐบาลเนปาลเรียกกองกำลังที่ส่งออกไปรักษาความสงบบริเวณพรมแดนให้กลับเข้ากรมกอง
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมต่ออีกว่า ความไม่พอใจก่อตัวขึ้นหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ในทางใต้ของประเทศ เมื่อสมาชิกผู้แทนราษฎรเนปาลได้ประสบความสำเร็จในการลงมติอนุมัติร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งกระบวนการจัดทำได้เริ่มต้นย้อนไปตั้งแต่ปี 2008 หรือสองปีนับตั้งแต่กลุ่มกบฏเหมาอิสม์สิ้นสุดการต่อสู้กับอดีตรัฐบาลเนปาล และทำให้ราชวงศ์เนปาลที่มีอายุร่วม 240 ปีต้องล่มสลาย และทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 16,000 คน
