เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระบุในวันจันทร์ (24 ส.ค.) ว่า มีตำรวจเสียชีวิต 7 นาย ในภาคตะวันตกของเนปาล จากการปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐธรรมนูญใหม่
รัฐบาลเนปาล ระบุว่า ได้ส่งกำลังทหารเข้าไประงับสถานการณ์ หลังเกิดการปะทะกันในเขตไคลาลี ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งนอกจากตำรวจ ยังมีรายงานผู้ประท้วงเสียชีวิต 3 รายด้วยเช่นกัน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้ประท้วงหลายพันคนได้จู่โจมตำรวจด้วยขวานและหอก รวมถึงก้อนอิฐ
“จนถึงตอนนี้เรายืนยันได้ว่า มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 7 ราย เป็นตำรวจ 5 ราย กับสมาชิกของกองกำลังตำรวจติดอาวุธ 2 ราย” เจ้าหน้าที่บอกเอเอฟพี พร้อมทั้งเตือนด้วยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น
“มีคนบาดเจ็บจำนวนมาก พวกเขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว เราได้รับรายงานด้วยว่ามีผู้ประท้วง 3 รายเสียชีวิต เรากำลังพยายามที่จะตรวจยืนยันข้อมูลนี้” เจ้าหน้าที่ระบุ
รัฐธรรมนูญแห่งชาติฉบับใหม่ที่นำเสนอต่อรัฐสภาเมื่อวันอาทิตย์ ได้มุ่งเป้าที่จะปรับโครงสร้างเนปาลให้กลายเป็นสหพันธรัฐ โดยจะแบ่งออกเป็น 7 แคว้น
บรรดาผู้ประท้วงพากันบอกว่าการแบ่งเขตแดนใหม่ในประเทศนั้น เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบรรดาชุมชนที่ไม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ความรุนแรงในวันจันทร์ได้เกิดขึ้นตอนที่สมาชิกของชนกลุ่มน้อยธารู ออกมาประท้วงเรียกร้องอยากจะมีแคว้นเป็นของตนเอง
บัม เดฟ เกาตัม รัฐมนตรีมหาดไทย ระบุว่า รัฐบาลจะส่งทหารไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อควบคุมสถานการณ์และเรียกร้องให้อยู่ในความสงบ
“ในช่วงที่เรากำลังจะก้าวไปสู่ยุคใหม่ เราขอเรียกร้องให้ประชาชนอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่รบกวนความสงบของสังคมและเป็นชนวนความเกลียดชังระหว่างชาติพันธุ์” เขากล่าวพร้อมทั้งบอกด้วยว่า บริเวณที่เกิดเหตุได้ถูกประกาศให้เป็นเขตที่ได้รับผลกระทบจากการจลาจลและมีการจัดส่งทหารไปแล้ว