รอยเตอร์ – คณะบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ร่างแผนกำหนดโควตาผู้ลี้ภัยสำหรับชาติสมาชิกใหม่ ซึ่งภายใต้โควตานี้เยอรมนีจะรับผู้ลี้ภัยกว่า 40,000 คน และฝรั่งเศส 30,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 160,000 คนที่คณะบริหารระบุว่าควรถูกย้ายจากอิตาลี กรีซ และฮังการี แหล่งข่าวในสหภาพยุโรปเผยในวันนี้ (7)
ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปจะเปิดเผยข้อเสนอใหม่ในวันพุธ (9) โดยเจ้าหน้าที่อียูระบุว่า เขาจะเสนอให้เพิ่มจำนวนผู้ลี้ภัยที่คณะกรรมาธิการเสนอให้ย้ายก่อนหน้านี้จาก 40,000 คนเป็น 160,000 คน
ในเดือนมิถุนายนชาติสมาชิกหลายชาติปฏิเสธการกำหนดโควตาที่ผูกมัดเช่นนี้ แต่นับตั้งแต่คำเสนอรับผู้ลี้ภัยโดยสมัครใจลดเหลือไม่ถึง 40,000 คำเสนอ ขณะที่จำนวนผู้ที่ไหลหลั่งเข้ามาในยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะกรรมการชุดนี้ซึ่งมีเยอรมนีและฝรั่งเศสหนุนหลังจึงกลับมากดดันพวกเขาต่อ
ถึงแม้เยอรมนีจะออกมาระบุแล้วว่าจะรับผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมากและประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลลองด์ จะยืนยันถึงความพร้อมของฝรั่งเศสในวันนี้ (7) ที่จะรับส่วนแบ่งของตนภายใต้แนวทางของคณะกรรมาธิการยุโรป แต่โควตาดังกล่าวอาจทำให้ได้เห็นแรงต่อต้านจากรัฐบาลต่างๆ ซึ่งระบุว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมผู้ลี้ภัยจำนวนขนาดนี้ได้
ตัวอย่างเช่นโปแลนด์ที่ระบุว่า พวกเขาอาจรับผู้ลี้ภัย 2,000 คนภายใต้แผนนำร่องของอียูเพื่อลดแรงกดดันในประเทศหน้าด่านทางใต้ แต่ภายใต้ข้อเสนอนี้ของคณะกรรมาธิการ วอร์ซอจะถูกร้องขอให้รับผู้ลี้ภัยเกือบ 12,000 คน
ด้านฮังการีซึ่งนายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์บาน เคยคัดค้านเสียงแข็งต่อการกำหนดโควตา ครั้งนี้จะได้เห็นประเทศอียูอื่นๆ แบ่งเบาผู้ลี้ภัยที่ไหลทะลักเข้าสู้ประเทศของเขาไป 54,000 คน หลังจากที่ภายใต้ข้อเสนอย้ายผู้ลี้ภัย 40,000 คนก่อนหน้านี้ มีเพียงผู้ลี้ภัยจากอิตาลีและกรีซเท่านั้นที่ถูกดึงไป
ในจำนวนผู้ลี้ภัย 120,000 คนที่จะถูกย้ายที่พักพิง อีก 50,400 คนจะมาจากกรีซและ 15,600 คนจากอิตาลี หากกลุ่มผู้นำอียูเห็นพ้องกับแผนการนี้ เยอรมนีจะถูกร้องขอให้รับผู้ลี้ภัย 31,443 คน ส่วนของฝรั่งเศสคือ 24,031 คน อังกฤษได้รับการยกเว้นจากนโยบายผู้ลี้ภัยของอียู เช่นเดียวกับไอร์แลนด์และเดนมาร์ก ดับลินอาสาที่จะรับผู้ลี้ภัย 600 คนภายใต้แผนการก่อนหน้านี้ที่จะย้ายถิ่นผู้ลี้ภัย 40,000 คน
แหล่งข่าวระบุว่า คณะกรรมาธิการยุโรปยังมีแผนที่จะเพิ่มตุรกีและประเทศในแถบบอลข่านทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่ในอียูลงในรายชื่อใหม่ของประเทศ “ปลอดภัย” ซึ่งพลเมืองของประเทศเหล่านี้จะไม่ได้สิทธิขอลี้ภัยเพื่อที่จะทุ่มทรัพยากรไปยังพลเรือนจากประเทศที่มีสงครามแทน
