เบอร์ลินอัดฉีดงบประมาณอีก 6,000 ล้านยูโรช่วยเหลือผู้อพยพ ด้านปารีสก็ประกาศอ้าแขนรับผู้ลี้ภัย 24,000 คนภายในเวลา 2 ปี ขณะที่ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ยังบรรลุข้อตกลงเรื่องกลไกการกระจายความรับผิดชอบในหมู่สมาชิกอียู เพื่อรองรับคลื่นมนุษย์ที่หนีภัยสงครามมาจากตะวันออกกลางและแอฟริกา
นายกรัฐมนตรีแมร์เคิล แถลงข่าวในเบอร์ลินเมื่อวันจันทร์ (7 ก.ย.) ว่า เยอรมนีจะรับประกันว่า ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจะได้รับการคุ้มครอง ส่วนผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติได้รับอนุญาตให้ลี้ภัย จะถูกส่งตัวกลับประเทศทันที
นอกจากนั้น รัฐบาลเยอรมนียังประชุมกันเมื่อคืนวันอาทิตย์ (6) ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น และตกลงจัดสรรเงิน 6,000 ล้านยูโร (6,700 ล้านดอลลาร์) เพื่อใช้ในการดูแลผู้อพยพระลอกใหม่นับแสนคนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา รวมทั้งตกลงออกมาตรการทางกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้ขอลี้ภัย ซึ่งความจริงแล้วเดินทางมาจากประเทศที่ “ปลอดภัย” เช่น มอนเตเนโกร โคโซโว และแอลเบเนีย
เจ้าหน้าที่เยอรมนีคาดว่า จะมีผู้อพยพเดินทางเข้าประเทศรวม 800,000 คนจนถึงสิ้นปี หรือเป็น 4 เท่าตัวของปีที่แล้ว โดยผู้อพยพเหล่านี้จำนวนมากมาจากซีเรีย อิรัก และเอริเทรีย ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือที่จัดเตรียมไว้รองรับครอบคลุมทั้งด้านที่พักอาศัย การเพิ่มกำลังตำรวจ และการสอนภาษา
ถึงแม้เยอรมนีเตรียมการรองรับผู้อพยพจำนวนมากที่สุด แต่แมร์เคิลก็เรียกร้องสมาชิกอื่นๆ ในสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมช่วยเหลือผู้ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น
ทางด้านแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขานรับว่า วิกฤตผู้ลี้ภัยคราวนี้สามารถบริหารจัดการได้ หากทุกประเทศในยุโรปร่วมรับผิดชอบและเห็นพ้องในแนวทางร่วมกัน พร้อมวิจารณ์ว่า ระบบผู้ลี้ภัยของยุโรปขณะนี้พิกลพิการ เนื่องจากมีเพียงบางประเทศที่พยายามทำอะไรตามที่จำเป็น และหลายประเทศไม่พยายามเลย
สำหรับอียูที่ถูกกดดันอย่างหนักจากเบอร์ลินและปารีสนั้น ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมระบบโควตาใหม่ โดยที่ภายใต้ข้อเสนอของฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปนั้น เยอรมนีและฝรั่งเศส 2 ชาติเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่สุดในอียู จะรองรับผู้อพยพเกือบครึ่งหนึ่งของ 120,000 คนที่ขณะนี้อยู่ในกรีซ อิตาลี และฮังการี
ภายใต้ข้อเสนอระบบโควตาภาคบังคับซึ่งจะเปิดเผยในวันพุธนี้ (9) เยอรมนีจะรับผู้อพยพ 31,443 คน, ฝรั่งเศส 24,031 คน และสเปน 14,931 คน
นายกรัฐมนตรีแมร์เคิล แถลงข่าวในเบอร์ลินเมื่อวันจันทร์ (7 ก.ย.) ว่า เยอรมนีจะรับประกันว่า ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจะได้รับการคุ้มครอง ส่วนผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติได้รับอนุญาตให้ลี้ภัย จะถูกส่งตัวกลับประเทศทันที
นอกจากนั้น รัฐบาลเยอรมนียังประชุมกันเมื่อคืนวันอาทิตย์ (6) ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น และตกลงจัดสรรเงิน 6,000 ล้านยูโร (6,700 ล้านดอลลาร์) เพื่อใช้ในการดูแลผู้อพยพระลอกใหม่นับแสนคนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา รวมทั้งตกลงออกมาตรการทางกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งกลับผู้ขอลี้ภัย ซึ่งความจริงแล้วเดินทางมาจากประเทศที่ “ปลอดภัย” เช่น มอนเตเนโกร โคโซโว และแอลเบเนีย
เจ้าหน้าที่เยอรมนีคาดว่า จะมีผู้อพยพเดินทางเข้าประเทศรวม 800,000 คนจนถึงสิ้นปี หรือเป็น 4 เท่าตัวของปีที่แล้ว โดยผู้อพยพเหล่านี้จำนวนมากมาจากซีเรีย อิรัก และเอริเทรีย ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือที่จัดเตรียมไว้รองรับครอบคลุมทั้งด้านที่พักอาศัย การเพิ่มกำลังตำรวจ และการสอนภาษา
ถึงแม้เยอรมนีเตรียมการรองรับผู้อพยพจำนวนมากที่สุด แต่แมร์เคิลก็เรียกร้องสมาชิกอื่นๆ ในสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมช่วยเหลือผู้ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น
ทางด้านแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส ข้าหลวงใหญ่ฝ่ายผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขานรับว่า วิกฤตผู้ลี้ภัยคราวนี้สามารถบริหารจัดการได้ หากทุกประเทศในยุโรปร่วมรับผิดชอบและเห็นพ้องในแนวทางร่วมกัน พร้อมวิจารณ์ว่า ระบบผู้ลี้ภัยของยุโรปขณะนี้พิกลพิการ เนื่องจากมีเพียงบางประเทศที่พยายามทำอะไรตามที่จำเป็น และหลายประเทศไม่พยายามเลย
สำหรับอียูที่ถูกกดดันอย่างหนักจากเบอร์ลินและปารีสนั้น ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมระบบโควตาใหม่ โดยที่ภายใต้ข้อเสนอของฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปนั้น เยอรมนีและฝรั่งเศส 2 ชาติเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่สุดในอียู จะรองรับผู้อพยพเกือบครึ่งหนึ่งของ 120,000 คนที่ขณะนี้อยู่ในกรีซ อิตาลี และฮังการี
ภายใต้ข้อเสนอระบบโควตาภาคบังคับซึ่งจะเปิดเผยในวันพุธนี้ (9) เยอรมนีจะรับผู้อพยพ 31,443 คน, ฝรั่งเศส 24,031 คน และสเปน 14,931 คน