เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของ บารัค โอบามา ที่ล่าสุดประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เมื่อในวันพุธ(2)สว.รัฐแมริแลนด์จากพรรคเดโมแครต บาบารา มิคัลสกี ( Barbara Mikulski)ประกาศการตัดสินใจลงคะแนนสนับสนุนร่างข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของรัฐบาลสหรัฐฯที่ทั้งสหภาพยุโรป องค์การสหภาพประชาชาติ รัสเซีย และจีน ต่างร่วมลงนามสนับสนุนแล้ว และการประกาศของมิคัลสกีครั้งนี้ทำให้โอบามามีคะแนนเสียงสนับสนุนในสภาสูงสหรัฐฯมากเพียงพอที่จะวีโต้คว่ำมติคัดค้านดีลนิเคลียร์อิหร่านจากสภาล่างสหรัฐฯที่พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากอยู่ในนั้น
RT สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(2)ว่า การประกาศตัวยอมสนับสนุนดีลนิวเคลียร์อิหร่านของสว.รัฐแมริแลนด์จากพรรคเดโมแครต บาบารา มิคัลสกี ( Barbara Mikulski ทำให้ทริปการเยือนรัฐอะแลสกาเป็นเวลา 3 วันของประธานาธิบดีสหรัฐฯมีความสุขเพิ่มมากขึ้นนอกเหนือไปจากที่ปลาแซลมอนว่ายน้ำมาใกล้เท้าของโอบามาในขณะที่เขาเยือนหมู่บ้านประมงที่ห่างไกลของรัฐสุดชายขอบของสหรัฐฯ เพราะจะทำให้โอบามาเป็นผู้นำคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกาสามารถประสบความสำเร็จในการทำให้อิหร่านยอมอนุญาตให้มีการควบคุมโครงการพัฒนานิวเคลียร์ และเปิดประเทศให้ชาติตะวันตกเข้าไปติดต่อทำการค้าเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดปฎิวัติสาธารณรัฐตั้งแต่ในปี 1979
ทั้งนี้สว.มิคัลสกีได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงเหตุผลการตัดสินใจในการยอมสนับสนุนร่างข้อตกลงครั้งนี้ โดยเธอเลือกที่จะสนับสนุนหลัวจากพิจารณาถึงผลกระทบของข้อตกลงที่มีต่อสหรัฐฯและอิสราเอลเป็นสำคัญ
“ดิฉันใช้เวลานานมากในการทำการศึกษาข้อตกนิวเคลียร์อิหร่าน รวมไปถึงการได้รับฟังการสรุปจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และในการทำการบ้านอย่างหนักครั้งนี้ทำให้ดิฉันเชื่อว่าเป็นการตัดสินที่ชาญฉลาด” สว.มิคัลสกีกล่าว และเธอยังได้เรียกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านครั้งประวัติศาสตร์ว่า “เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะสามารถสะกัดกั้นไม้ให้อิหร่านสามารถผลิตขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้”
นอกจากนี้วุฒิสมาชิกสหรัฐฯจากรัฐแมริแลนด์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ที่ผ่านมาตลอดเป็นที่รู้กันดีว่า ดิฉันให้การสนับสนุนอิสราเอลมาโดยตลอด” ทั้งนี้สื่อรัสเซียรายงานว่า อิสราเอล และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ไม่เห็นด้วยข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และยังประกาศด้วยว่า ข้อตกลงนี้ถือเป็น “ความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์”
RT รายงานเพิ่มเติมว่า ในการที่รัฐสภาคองเกรสจะอนุมัติสนธิสัญญานิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเรื่องปกติที่จำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 67 เสียงในสภาสูงจากทั้งหมด 100 เสียง แต่ในขณะเดียวกัน ภายใต้กฎหมายที่ให้อำนาจสมาชิกรัฐสภาคองเกรมีอำนาจในการพิจารณาอำนาจในข้อตกลงนี้ ทำให้จำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 67 เสียงในการผ่านมติคุ้มกันการไม่เห็นชอบให้กับอำนาจการวีโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจากการประกาศเสียงสนับสนุนล่าสุดจากสว.มิคัลสกีทำให้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีเสียงสนับสนุนในมือเพียงพอถึง 34 เสียงที่ได้สนับสนุนดีลนิวเคลียร์อิหร่านครั้งประวัติศาสตร์นี้
ซึ่งสื่อรัสเซียชี้ว่า ทางพรรครีพับลิกันไม่จำเป็นมีเสียงข้างมากในมือเพื่อจะคว่ำมติในสภาสูงแต่อย่างใด
และล่าสุดพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯยังได้หาเสียงกับประชาชนอเมริกันเพื่อสนับสนุนร่างข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่มีทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รีย์เป็นตัวชูโรง ออกมาแถลงถึงเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญานี้อย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม
และที่สำคัญที่สุด ทำเนียบขาวถึงกับสร้างทวิตเตอร์แอกเคาน์เฉพาะกิจเพื่อรณรงค์หาเสียงสนับสนุนสนธิสัญญา
และนอกจากนี้ในวันพุธ(2) ประชาชนสหรัฐฯที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์ต่างได้มีโอกาสเห็นเคร์รีย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากการที่เขาออกมากล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจและสำคัญสำหรับอเมริกาในสนธิสัญญานิวเคลียร์อิหร่านที่ทางสหรัฐฯได้ประสบความสำเร็จผ่านทางช่องทางการทูตที่ทั้งสหภาพยุโรป องค์การสหภาพประชาชาติ รัสเซีย และจีน ต่างร่วมลงนามสนับสนุนร่างข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งในการแถลงมาจากฟิลาเดลเฟียของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เคร์รีย์ได้ยืนกรานว่า ข้อตกลงครั้งนี้จะช่วยหยุดการเร่งสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้สำเร็จ และก่อนหน้านั้นจากการปรากฎตัวผ่านทางสื่อสหรัฐฯ MSNBC ในช่วงเช้าวันพุธ(2) เคร์รีย์ย้ำว่า การที่สภาคองเกรสรับรองร่างข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สหรัฐฯ “ยังคงมีความน่าเชื่อถือ” ต่อไปได้ในเวทีโลก
โดยเคร์รีย์กล่าวกับพิธีกร MSNBC โจ สคาโบโรฮ์ (Joe Scarborough)ว่า หากสหรัฐฯไม่ยอมลงมติผ่านการรับรองร่างสนธิสัญญานิวเคลียร์อิหร่านครั้งนี้ จะทำให้เข้าทางผู้นำสูงสุดอิหร่าน ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาวิจารณ์ต่างๆนาถึงการที่เตหะรานเข้าสู่โต๊ะเจรจาข้อตกนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกว่า “ไม่มีทางที่จะตกลงอะไรกับพวกชาติตะวันตกได้ เพราะพวกนี้เชื่อถือไม่ได้”
RT รายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในขณะเดียวกัน พรรครีพับลิกันต่างได้เดินหน้าต่อต้านร่างสนธิสัญญานิวเคลียร์อิหร่าน และลากประเด็นนี้เข้าสู่การเมืองศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 และตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันทุกคนต่างประกาศที่เดินหน้า พร้อมจะทำให้ดีลนิวเคลียร์อิหร่านสิ้นสภาพในทันทีที่หนึ่งในพวกเขาได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่ทำเนียบขาว
และสื่อรัสเซียยังรายงานอีกว่า ในการลงมตินิวเคลียร์อิหร่าน หากว่ามีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาสูงสหรัฐฯอีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 เสียงประกาศทางสาธารณะสนับสนุนข้อตกลงก่อนที่ญัตติคว่ำร่างอย่างเป็นทางการของสภาล่างสหรัฐฯจะเข้าสู่วาระการลงคะแนน RT ชี้ว่าจะยิ่งมีความเป็นไปได้มากที่ทางทำเนียบขาวจะใช้แทคติก “การอภิปรายถ่วงเวลา” ในส่วนของเดโมแครตที่เป็นเสียงข้างน้อยอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้หมดเวลาการประชุมก่อนที่จะสามารถขานชื่อลงคะแนนได้ในที่สุดในสภาล่าง ซึ่งเส้นตายที่สภาคองเกรสต้องใช้เวลาในการพิจารณาร่างข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านนั้นมีในวันที่ 17 สิงหาคมที่จะถึงนี้