xs
xsm
sm
md
lg

สิงคโปร์เลิกห้ามผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เดอะการ์เดียน - สิงคโปร์ได้ยกเลิกการห้ามผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าประเทศที่เคยใช้มายาวนาน 2 ทศวรรษแล้ว แต่ยังคงจำกัดเวลาให้อยู่ได้นานสุดแค่ 3 เดือนเท่านั้น

กระทรวงสาธารณสุข ระบุ ในวันจันทร์ (31 ส.ค.) ว่า กฎข้อห้ามดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนแล้ว ทำให้ตอนนี้มีชาวสิงคโปร์มากกว่า 5,000 ราย ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงยังสามารถดูแลผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

การจำกัดเวลาไว้ที่ 3 เดือน มีเป้าหมายเพื่อป้องกันมิให้ชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยเป็นเวลานาน อาทิ กลุ่มคนที่เข้ามาหางานทำ หรือมาอยู่กับลูกที่ถูกส่งมาเรียนที่นี่

“นโยบายเรื่องการส่งกลับและขึ้นบัญชีดำถาวรแก่ชาวต่างชาติที่ติดเชื้อเอชไอวีได้ใช้กันในตอนปลายยุคปี 1980 ซึ่งตอนนั้นโรคนี้ยังใหม่ อันตรายถึงชีวิตและไม่มีวิธีรักษา” โฆษกของกระทรวง ระบุ

การมาเยือนระยะสั้นนั้น มีความเสี่ยงไม่มากที่จะแพร่เชื้อไปสู่ประชาชนในท้องถิ่น แต่การแบนผู้ที่จะอยู่ระยะยาวยังคงมีอยู่ เพราะความเสี่ยงด้านสาธารณสุขจากผู้ที่อยู่อาศัยในระยะยาวนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

หลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ต่างก็มีข้อจำกัดในลักษณะนี้เช่นกัน สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่จะมาเยือนเป็นระยะเวลานาน

ผู้มาเยือนสิงคโปร์เป็นระยะเวลาไม่นานจะได้รับบัตรผ่านที่มีอายุ 2 - 4 สัปดาห์ และสามารถต่ออายุได้ไม่เกิน 3 เดือน ผู้ถือบัตรผ่านนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานที่สิงคโปร์

เชื้อไวรัสเอชไอวีจะโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ทำให้ร่างกายต่อต้านการติดเชื้อต่าง ๆ อย่างยากลำบาก โดยในระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวีจะเรียกว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์)

แม้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หาย แต่การบำบัดด้วยยาต้านไวรัสก็สามารถช่วยเหลือระบบภูมิคุ้มกันได้ ทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้ช้าลง

รอย เฉิน ประธานกลุ่มอาสาสมัครท้องถิ่นที่ชื่อว่า “แอ็กชัน ฟอร์ เอดส์” รู้สึกยินดีกับการปลดแบนซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การทำความเข้าใจและยอมรับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี

“หลายอย่างกำลังค่อย ๆ ดีขึ้นทีละนิด แต่เราต้องไม่ลืมว่ายังมีคนอีกมากที่ถูกขอให้ออกจากงานและถูกตัดความสัมพันธ์จากเพื่อนและคนในครอบครัว เพราะติดเชื้อเอชไอวี มีคนมากมายที่ต้องทนทุกข์เพียงลำพัง พบกับความลำบากในการหางานทำและการประกันสุขภาพ” เฉิน กล่าว

เขาบอกอีกว่า จำเป็นจะต้องมีสภาพแวดล้อมที่ให้การสนับสนุน ไม่แบ่งแยกใครคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะเขาติดเชื้อเอชไอวี การเลิกห้ามเข้าประเทศคือหนึ่งในตัวอย่างที่ดี


กำลังโหลดความคิดเห็น