เอเอฟพี – บุตรชายอดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ เผยความตั้งใจที่จะลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้นำแดนตากาล็อกในปีหน้า ซึ่งจะถือเป็นการวัดดวงครั้งสำคัญของทายาทจอมเผด็จการซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองขี้ฉ้ออันดับต้นๆ ของโลก
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “บองบอง” ประกาศจะไม่ลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิกสมัยที่ 2 เพราะมีเป้าหมายที่ “สูงกว่านั้น” ซึ่งในระบบการเมืองฟิลิปปินส์จะเป็นตำแหน่งอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจาก “ประธานาธิบดี” หรือไม่ก็รองประธานาธิบดี
“ผมได้หารือกับหลายฝ่ายและหลายๆ ท่านเกี่ยวกับการเข้าไปทำหน้าที่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น” มาร์กอส จูเนียร์ วัย 57 ปี ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีใช่หรือไม่ มาร์กอส ก็ตอบแบบเลี่ยงๆ ว่า “เวลานี้ยังยากที่จะตัดสินใจ”
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ปกครองฟิลิปปินส์ด้วยระบอบเผด็จการอยู่นานถึง 2 ทศวรรษ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติประชาชนโค่นล้มอำนาจของเขาลงได้ในปี 1986 ซึ่งทำให้ มาร์กอส ต้องหอบลูกเมียไปลี้ภัยในสหรัฐฯ
หลังจาก มาร์กอส ผู้พ่อถึงแก่กรรมลงที่รัฐฮาวายในปี 1989 ครอบครัวของเขาก็เดินทางกลับฟิลิปปินส์ในปี 1991 และค่อยๆ สั่งสมอิทธิพลทางการเมืองขึ้นมาใหม่ภายใต้การนำของ อิเมลดา ภริยาหม้ายของอดีตจอมเผด็จการ แม้นางจะถูกกล่าวหาว่าปล้นทรัพย์แผ่นดินไปหลายพันล้าน และมีประวัติละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ตาม
เฟอร์ดินานด์ “บองบอง” มาร์กอส สอบผ่านสนามเลือกตั้ง ส.ว. ในปี 2010 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่สมาชิกในครอบครัวจอมเผด็จการแห่งฟิลิปปินส์ได้กลับเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ด้าน อิเมลดา มาร์กอส วัย 86 ปี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าชอบความหรูหราฟุ่มเฟือย ก็ครองตำแหน่ง ส.ส. จังหวัดอิโลกอสนอร์เตซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของสามีมาตั้งแต่ปี 2010 มิหนำซ้ำยังเคยพูดออกสื่ออยู่บ่อยๆ ว่า อยากให้ลูกชายกลับมาทวงเก้าอี้ประธานาธิบดีคืนแก่ครอบครัว
ผลสำรวจความคิดเห็นในฟิลิปปินส์พบว่า มาร์กอส จูเนียร์ ยังมีคะแนนนิยมน้อยมากสำหรับการก้าวไปสู่บัลลังก์ผู้นำประเทศ
“ผมมองว่าผลสำรวจเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง” เขาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลโพลที่ไม่เป็นใจ
ประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน ผู้นำฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน เป็นบุตรชายคนเดียวของ ส.ว. เบนิโญ “นินอย” อากีโน จูเนียร์ หัวหอกในการต่อต้านรัฐบาลมาร์กอส กับนาง โคราซอน อากีโน เหตุลอบสังหาร ส.ว. อากีโน เมื่อปี 1983 ได้เป็นชนวนนำมาสู่การปฏิวัติประชาชนในอีก 3 ปีต่อมา ส่วนภริยาของเขาซึ่งเป็นแกนนำโค่นระบอบมาร์กอสก็ได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 11 และยังเป็นผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์