เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 125 ราย จากการถูกฆาตกรรมในเอลซัลวาดอร์ตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา ตอกย้ำสถานะหนึ่งในดินแดนศูนย์กลางแห่งการฆาตกรรมของโลกของประเทศในอเมริกากลางแห่งนี้
รายงานข่าวล่าสุดในวันพุธ (19 ส.ค.) ซึ่งอ้างคำแถลงของเมาริซิโอ รามิเรซ ผู้บัญชาการตำรวจเอลซัลวาดอร์ระบุว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมทั่วประเทศอย่างน้อย 125 รายตลอดระยะเวลา 3 วัน ระหว่างวันอาทิตย์ (16) จนถึงวันอังคาร (18) ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันอังคาร (18) ถือเป็นวันที่มีผู้ถูกฆาตกรรมสูงที่สุดถึง 43 รายในวันเดียว
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุฆาตกรรมส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับพวกแก๊งอาชญากร และขบวนการค้ายาเสพติดหลายกลุ่ม
ขณะที่เบนิโต ลารา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและความปลอดภัยสาธารณะของเอลซัลวาดอร์ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การโหมก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องตลอดช่วงเวลา 3 วันดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณจากบรรดากลุ่มนอกกฏหมายทั้งหลายในประเทศว่า พวกเขาอาจต้องการเพิ่มแรงกดดันเพื่อหาทางเจรจากับทางการเพื่อให้ปล่อยตัวสมาชิกระดับแกนนำที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำความมั่นคงสูง ซึ่งกลยุทธการก่อเหตุรุนแรงเพื่อขอเจรจากับทางการนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยแก๊งอาชญากรในเอลซัลวาดอร์อยู่บ่อยครั้ง
ข้อมูลของทางการเอลซัลวาดอร์ระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมไปแล้วอย่างน้อย 3,332 ราย ทุบสถิติเดิมที่ 2,191 ศพในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วลงอย่างราบคาบ
ขณะที่จำนวนสมาชิกของเครือข่ายอาชญากรทั้งหลายในเอลซัลวาดอร์ถูกระบุว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 72,000 คน และในจำนวนนี้มีเพียง 13,000 คน ที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในเรือนจำ
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทางการเอลซัลวาดอร์เปิดเผยว่า มีสมาชิกระดับแกนนำจำนวน 6 รายของแก๊งอาชญากรชื่อดังของประเทศซึ่งถูกควบคุมตัวใน “เรือนจำความมั่นคงสูง” ก่อเหตุหลบหนีระหว่างถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจแห่งหนึ่งก่อนถึงกำหนดขึ้นศาล
ทีมสืบสวนของทางการเอลซัลวาดอร์เผยว่า ในเบื้องต้นพบว่านักโทษทั้ง 6 ราย หลบหนีออกจากห้องขังของสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองซาน มิเกล ที่อยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ด้วยการตัดลูกกรงเหล็กบริเวณหน้าต่างบานหนึ่งเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม และพบร่องรอยว่าทั้งหมดได้แยกย้ายกันหลบหนีออกสู่ถนนหลายสาย
ด้านสำนักงานอัยการเอลซัลวาดอร์ ออกมายืนยันข่าวการหลบหนีในครั้งนี้ และสั่งการให้มีการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในการเฝ้านักโทษกลุ่มนี้มาสอบสวนแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า นักโทษทั้ง 6 ราย เป็นสมาชิกระดับแกนนำของแก๊ง “มารา ซัลบาตรูชา” หรือ MS-13 ที่เป็นองค์กรอาชญากรรมระดับแถวหน้าของเอลซัลวาดอร์ และว่า 6 นักโทษที่หลบหนีไปในคราวนี้กำลังจะถูกนำตัวขึ้นศาลในความผิดหลายกระทงทั้ง การฆาตกรรม และฉ้อโกง
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมามีรายงานว่า นักโทษจำนวน 2 รายจากทั้งหมด 6 รายที่หลบหนีในครั้งนี้ถูกจับกุมตัวได้แล้ว ที่เขตจังหวัดบาเญของประเทศ เพื่อนบ้านอย่างฮอนดูรัส และทางการเอลซัลวาดอร์ได้ประสานขอให้มีการ “ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน”
ทั้งนี้ แก๊งอาชญากร มารา ซัลบาตรูชา ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980 ที่นครลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ โดยกลุ่มวัยรุ่นซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายเอลซัลวาดอร์ และที่ผ่านมารัฐบาลอเมริกันมักใช้วิธี “เนรเทศ” บรรดาสมาชิกแก๊งที่ถูกจับกุมได้ในสหรัฐฯ กลับไปยังเอลซัลวาดอร์ และสมาชิกที่ถูกเนรเทศกลับมานี้ได้ร่วมกันจัดตั้งแก๊ง มารา ซัลบาตรูชาขึ้นในเอลซัลวาดอร์
ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ระบุว่า ในขณะนี้แก๊งมารา ซัลบาตรูชาได้พัฒนาตัวเองจากการเป็นกลุ่มอาชญากรตามท้องถนน ไปสู่การเป็นองค์กรนอกกฎหมายขนาดใหญ่ที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 70,000 ราย และมีรายได้หลักมาจากธุรกิจผิดกฎหมายหลายประเภททั้งการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การจี้ปล้น เรียกเก็บค่าคุ้มครอง ธุรกิจค้าบริการทางเพศ การลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ และการค้าอาวุธสงคราม