เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระบุว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายในวันพุธ (19 ส.ค.) ได้ขัดขวางภารกิจเก็บกู้ร่างของผู้โดยสารและลูกเรือรวม 54 ศพ จากเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของอินโดนีเซียตกในพื้นที่ห่างไกลทางตะวันออกของประเทศ
เครื่องบิน ATR 42-300 เครื่องยนต์ใบพัดคู่ของสายการบินตริกานาแอร์ ได้ประสบเหตุร้ายตกลงเมื่อวันอาทิตย์ ขณะบินอยู่บนเส้นทางระยะใกล้ในจังหวัดปาปัว ทำให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินลำนี้เสียชีวิตทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปถึงจุดตกใน 2 วันต่อมา พบทั้งศพผู้เสียชีวิตและกล่องดำที่บันทึกข้อมูลการบิน
กัปตัน เบนี สุมารยันโต ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของตริกานาแอร์ เปิดเผยว่า ทางการมีแผนจะขนย้ายศพออกมาทางอากาศ แต่ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายในวันพุธทำให้ไม่สามารถทำได้
“วันนี้อากาศไม่ดีเลย ทัศนวิสัยมีแค่ 500 เมตรเท่านั้น มันแย่มาก” เขาบอกเอเอฟพี
เขาได้ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า มีเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือในการเก็บกู้ศพ โดยมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 75 คนอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุเมื่อคืน เพื่อจะเริ่มการเก็บกู้ในวันพุธ
ทีมที่มีเจ้าหน้าที่สืบสวน 3 รายจากหน่วยงาน “บีอีเอ” ของฝรั่งเศส ซึ่งทำการสืบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้ ได้มุ่งหน้าไปอินโดนีเซียพร้อมกับที่ปรึกษาด้านเทคนิค 4 รายจาก “เอทีอาร์” ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินลำที่ตกครั้งนี้
มีการบรรทุกเงิน 6.5 พันล้านรูปี ไว้บนเครื่องบินที่ประสบเหตุร้ายลำนี้ โดยเป็นเงินทุนช่วยเหลือสังคมที่จะนำไปแจกจ่ายให้กับบรรดาครอบครัวที่ยากจน เงินเหล่านี้มีบางส่วนที่ยังหลงเหลือให้พบเจอ บางส่วนก็ไหม้ไปกับไฟ
เครื่องบินลำนี้เดินทางจากเมืองจายาปุระ จังหวัดปาปัว มุ่งหน้าไปยังเมืองอ็อกซิบิล โดยปกติใช้เวลาเดินทางราว 45 นาที แต่ขาดการติดต่อไปในช่วงก่อนถึงกำหนดลงจอดประมาณ 10 นาที ขณะที่มีการแจ้งมาขอลงจอดตอนที่เมฆครึ้มและมีฝนตกหนัก โดยทางสายการบินตริกานาแอร์ระบุว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ดูเหมือนจะมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
เครื่องบินขนาดเล็กมักถูกใช้เดินทางในจังหวัดปาปัว หนึ่งในพื้นที่ห่างไกลของอินโดนีเซีย ซึ่งสภาพอากาศที่ย่ำแย่ได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา