xs
xsm
sm
md
lg

กู้ภัยอิเหนารุดเข้าถึงซาก “ไตรกานาแอร์” ตกในปาปัว- สุดอึ้งขนเงินสด 6.5 พันล้านรูเปียห์ เตรียมไปแจกคนจน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่สำนักงานค้นหาและช่วยชีวิตอินโดนีเซียกำลังศึกษาแผนที่ภูมิศาสตร์ของจังหวัดปาปัว เพื่อเตรียมลงพื้นที่กู้ซากเครื่องบินไตรกานาแอร์ วานนี้ (16 ส.ค.)
เอเอฟพี - หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียเดินทางเข้าไปตรวจสอบจุดที่เครื่องบินไตรกานาแอร์ประสบอุบัติเหตุตกพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 54 ชีวิตในเขตเทือกเขาของจังหวัดปาปัววันนี้ (17 ส.ค.) หลังชาวบ้านและทีมค้นหาพบซากเครื่องบินเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่าเครื่องบินลำนี้ขนเงินสดของรัฐบาลราว 6,500 ล้านรูเปียห์เพื่อจะนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านที่ยากจน

เครื่องบินลำนี้ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมไปเมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (16) หลังออกเดินทางจากชัยปุระ เมืองเอกของจังหวัดปาปัวไปได้ไม่นาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย

เครื่องบิน ATR42-300 ชนิดเครื่องยนต์คู่ลำนี้มีผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 44 คน เด็ก 5 คน และลูกเรืออีก 5 คน โดยมีระยะเวลาทำการบิน 45 นาทีจึงจะถึงจุดหมายที่เมืองอ็อกสิบิล (Oksibil) ซึ่งเป็นเขตภูเขาทางตอนใต้ของเมืองชัยปุระ

เครื่องบินลำนี้ขาดการติดต่อ หลังจากนักบินได้ส่งสัญญาณขอลงจอดเพียงไม่กี่นาที

ฮาร์โยโน หัวหน้าสำนักงานไปรษณีย์เมืองชัยปุระ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เที่ยวบินดังกล่าวได้ขนเงินสดจำนวน 6,500 ล้านรูเปียห์ (ราว 16 ล้านบาท) ใส่กระเป๋า 4 ใบ ซึ่งเป็นเงินทุนของรัฐบาลที่จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ครอบครัวที่ยากจน

ชาวบ้านหลายคนในพื้นที่แจ้งว่า เห็นเครื่องบินลำหนึ่งพุ่งชนภูเขาไม่ไกลจากเมืองอ็อกสิบิลมากนัก และยังพบซากเครื่องบินด้วย ขณะที่กระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียก็แถลงวันนี้ (17) ว่าเครื่องบินค้นหาพบจุดตกของ ATR-42 ลำนี้แล้ว

“เช้าวันนี้เราได้ส่งเครื่องบินออกไปค้นหา และพบซากเครื่องบินอยู่ใกล้ๆ เมืองอ็อกสิบิล และต้องขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน” เจ. เอ. ภารตะ โฆษกกระทรวงคมนาคมอิเหนา ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
เครื่องบิน ATR 42-300 ของสายการบินไตรกานาแอร์
บัมบัง สุลิตโย หัวหน้าสำนักงานค้นหาและช่วยชีวิต บอกกับสื่อมวลชนที่เมืองชัยปุระว่า กลุ่มควันจากซากเครื่องบินสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากทางอากาศ และขณะนี้ได้มีการส่งเครื่องบินลำที่สองเข้าไปตรวจสอบให้แน่ใจแล้ว

ทีมกู้ภัยซึ่งประกอบด้วยทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต รวมถึงชาวบ้าน จะต้องเดินเท้าผ่านป่าทึบเข้าไปยังจุดตกของเครื่องบินซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 2,600 เมตร

“พื้นที่บริเวณนั้นค่อนข้างชัน และเป็นป่าดิบชื้นที่ปกคลุมไปด้วยพืชจำพวกมอส ไม่มีถนน ไม่มีเส้นทางที่จะเข้าถึงได้เลย ดังนั้น ทีมของเราจะต้องเดินเท้าผ่านผืนป่าอันบริสุทธิ์นี้เข้าไปจนกว่าจะถึงซากเครื่องบิน” เตกูห์ ปุดจี ราฮาร์โจ โฆษกกองทัพอิเหนาในจังหวัดปาปัวให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

การบินอินโดนีเซียมีประวัติความปลอดภัยที่ค่อนข้างด่างพร้อย และเคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เช่นโศกนาฏกรรมเครื่องบินแอร์เอเชียตกทะเลชวาเมื่อปลายเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 162 คนเสียชีวิตยกลำ และกรณีเครื่องบินขนส่งเฮอร์คิวลิสของกองทัพอินโดนีเซียตกใจกลางเมืองเมดาน คร่าชีวิตผู้โดยสารและชาวบ้านรวม 142 คน เมื่อเดือนมิถุนายน

สำหรับไตรกานาแอร์เป็นสายการบินในประเทศขนาดเล็กที่เคยเกิดอุบัติเหตุอยู่เนืองๆ และถูกห้ามบินเข้าน่านฟ้าสหภาพยุโรป
ต้นทางและปลายทางของเที่ยวบินไตรกานาแอร์ที่ประสบอุบัติเหตุตกในจังหวัดปาปัว
หลังจากนักบินขาดการติดต่อไป ไตรกานาแอร์ได้ส่งเครื่องบินอีกลำหนึ่งออกไปค้นหา ทว่าไม่พบอะไรเนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างเลวร้าย

กัปตัน เบนี สุมาร์ยันโต ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของไตรกานาแอร์ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตเทือกเขาซึ่งสภาพอากาศมักแปรปรวนคาดเดาได้ยาก

“จู่ๆ ท้องฟ้าอาจมีเมฆหมอกปกคลุม มืดครึ้ม และลมแรง โดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน” เขากล่าว

“เราสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพอากาศเลวร้าย เพราะเครื่องบินไม่ได้บรรทุกผู้โดยสารเกินพิกัด มันสามารถรับผู้โดยสารได้ถึง 50 คน”

ด้าน ภารตะ ยอมรับว่า สภาพอากาศในพื้นที่ “มืดครึ้มและมีเมฆมาก”

เครื่องบินขนาดเล็กเป็นยานพาหนะหลักสำหรับการคมนาคมขนส่งในเขตภูเขาที่ห่างไกลของจังหวัดปาปัว และเคยเกิดโศกนาฏกรรมเพราะสภาพอากาศเลวร้ายมาแล้วหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีมานี้

การขยายตัวทางเศรษฐกิจส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินอินโดนีเซียเติบโตอย่างรวดเร็ว ทว่าจำนวนนักบินที่มีประสบการณ์สูงกลับมีไม่เพียงพอ
ประชาชนและญาติมิตรของผู้โดยสารบนเที่ยวบินไตรกานาแอร์ที่ประสบอุบัติเหตุตกมารอฟังความคืบหน้าที่ศูนย์รับมือวิกฤตในเมืองชัยปุระ จังหวัดปาปัว วันนี้ (17 ส.ค.)

กำลังโหลดความคิดเห็น