เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งที่มี 54 ชีวิตบนนั้น ได้สูญหายไปในวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) หลังผจญกับสภาพอากาศที่ย่ำแย่ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย ถือเป็นอุบัติภัยครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับธุรกิจการบินของแดนอิเหนา
เจ้าหน้าที่หน่วยค้นหาและกู้ชีพ ระบุว่า เครื่องบินโดยสารลำนี้เป็นของสายการบินอินโดนีเซีย “ตริกานา แอร์” โดยขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศตอนเวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังออกเดินทางจากจายาปุระ เมืองเอกของจังหวัดปาปัว
หน่วยค้นหาและกู้ชีพ เปิดเผยว่า เครื่องบิน ATR 42-300 เครื่องยนต์เทอร์โบพร็อพลำนี้ มีผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 44 ราย เด็กอีก 5 ราย กับลูกเรืออีก 5 ราย ซึ่งตามกำหนดแล้วเที่ยวบินนี้จะใช้เวลาเดินทาง 45 นาที
เครื่องบินลำนี้ได้ออกเดินทางจากจายาปุระไปประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็สูญหายขณะมุ่งหน้าไปอ็อกซิบิล ดินแดนห่างไกลในบริเวณภูเขา ที่เข้าถึงได้ด้วยเครื่องบินเท่านั้น
กัปตัน เบนี สุมารยันโต ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ สายการบินตริกานาแอร์ ระบุว่า ประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะถึงกำหนดลงจอด เครื่องบินได้ติดต่อไปยังหอควบคุมของอ็อกซิบิลเพื่อขอลงจอด แต่เครื่องบินลำนั้นก็ไปไม่ถึงจุดหมาย จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ตริกานาแอร์ก็ได้ส่งเครื่องบินเทอร์โบพร็อพอีกลำออกไปตามหา
“แต่สภาพอากาศเลวร้ายมาก ไม่สามารถค้นหาต่อได้ เครื่องบินลำนั้นก็เลยหันหัวกลับเซนตานี” สุมารยันโต บอกนักข่าว
เขาบอกด้วยว่า อ็อกซิบิลเป็นเขตภูเขาที่มีสภาพอากาศคาดเดาได้ยาก บางครั้งก็มีหมอก ฟ้ามืด ลมแรงแบบกะทันหัน
“เราสงสัยว่าจะเป็นเพราะเรื่องสภาพอากาศ คงไม่ใช่เรื่องการบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราะเครื่องบินลำนั้นสามารถรองรับผู้โดยสาร 50 คนได้” เขากล่าว
โฆษกกระทรวงคมนาคม ก็ได้ยืนยันตรงกันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวได้ขาดการติดต่อ
“เรายังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนั้น เรากำลังประสานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น สภาพอากาศที่นั่นค่อนข้างแย่ในตอนนี้ มันมืดและมีเมฆมาก ไม่เอื้อต่อการค้นหา แถวนั้นเป็นภูเขาด้วย” โฆษก บอกนักข่าว
“ตริกานา แอร์” เป็นสายการบินขนาดเล็ก ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 ให้บริการเที่ยวบินในประเทศ โดยมีประมาณ 40 เส้นทางในอินโดนีเซีย
เครื่องบินขนาดเล็กมักถูกใช้ในการเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล อย่างเขตภูเขาในปาปัว ซึ่งสภาพอากาศที่เลวร้ายมักทำให้เกิดเหตุร้ายอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา