เอเจนซีส์ - คณะเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยของอินโดนีเซียเมื่อวันอังคาร (18 ส.ค.) เข้าไปถึงเครื่องบินโดยสารที่หายตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ (16) แล้ว พบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่ร่างผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 54 คนไหม้เกรียมจนยากระบุตัว เช่นเดียวกับเงินสดซึ่งเครื่องบินขนไปก็ถูกเผาไปบางส่วน อย่างไรก็ตาม กล่องดำยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และเตรียมนำไปวิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติภัยครั้งนี้ ขณะเดียวกัน แหล่งข่าววงในเผย ภาคการบินอิเหนาได้คะแนนความปลอดภัยที่ประเมินโดยหน่วยงานยูเอ็นต่ำกว่าเฉลี่ยทุกหมวด เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากร
หลังจากฝ่าฟันป่าทึบ ทางชัน และสภาพอากาศอันเลวร้าย ในที่สุดเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 70 คนของอินโดนีเซียก็สามารถเข้าถึงจุดที่เครื่องบินตก ที่อยู่ในหุบเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,600 เมตร เมื่อวันอังคาร (18)
เฮนรี บัมบัง โซลิสต์โย ผู้อำนวยการสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย แถลงว่า เจ้าหน้าที่พบ “กล่องดำ” ทั้ง 2 กล่อง โดยทั้งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินและอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบิน ต่างอยู่ในสภาพที่ดี และถือเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาอุบัติเหตุครั้งนี้
โซลิสต์โยเสริมว่า สำหรับตัวเครื่องบินถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางส่วนถูกเผา เช่นเดียวกับร่างผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 54 รายที่ไหม้เกรียมจนยากที่จะระบุตัวตน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เตรียมนำร่างทั้งหมดส่งไปยังจายาปุระ เมืองเอกของจังหวัดปาปัว เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป
สำหรับเงินสดจำนวน 6,500 ล้านรูเปียห์ (ราว 470,000 ดอลลาร์) ซึ่งเครื่องบินลำนี้บรรทุกมาด้วย เพื่อเตรียมนำไปแจกจ่ายให้ครอบครัวยากจนตามมาตรการชดเชยการขึ้นราคาเชื้อเพลิงนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พบแล้วเช่นกัน โดยที่บางส่วนอยู่ในสภาพถูกเผาไหม้เกรียม
เครื่องบินแบบเอทีอาร์ 42-300 ใบพัดคู่ ลำที่ประสบอุบัติเหตุนี้ เป็นของสายการบินไตรกานา แอร์ เซอร์วิส ได้ออกเดินทางจากจาราปุยะมุ่งหน้าสู่เมืองอ็อกซิบิล ซึ่งก็อยู่ในเขตจังหวัดปาปัว โดยตามตารางบินกำหนดระยะเวลาไว้ 42 นาที ทว่าก่อนถึงจุดหมายเพียง 10 นาทีเครื่องบินได้ขาดการติดต่อ
ปาปัวเป็นจังหวัดที่อยู่ด้านตะวันออกสุดของอินโดนีเซีย พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยป่าเขาซึ่งเข้าถึงยาก และเป็นสาเหตุที่ทำให้ในอดีตที่ผ่านมาไม่สามารถค้นหาเครื่องบินบางลำที่ตกในบริเวณนี้
เจ้าหน้าที่ศูนย์รับมือภาวะวิกฤตของไตรกานา แอร์ในสนามบินเซนตานีในจายาปุระเผยว่า ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดเป็นคนอินโดนีเซีย ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น 3 คน และสมาชิกรัฐสภาท้องถิ่น 2 คน ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปอ็อกซิบิล เพื่อร่วมพิธีฉลองครบรอบ 70 ปีที่อินโดนีเซียประกาศเอกราชจากการยึดครองของเนเธอร์แลนด์
มีรายงานว่า อ็อกซิบิล ซึ่งอยู่ห่างจากจายาปุระไปทางใต้ประมาณ 280 กิโลเมตร ได้เกิดฝนตกหนัก ลมแรง และหมอกหนา ขณะที่เครื่องบินลำนี้ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศของสนามบินที่นั่น
ทางด้านญาติผู้เสียชีวิตที่รออยู่ที่สนามบิน ต่างร้องไห้ระงมหลังจากทราบข่าวนี้ หลายคนโจมตีสายการบินว่า เปิดเผยข้อมูลล่าช้า
เวลานี้ยังไม่มีการระบุสาเหตุที่ชัดเจนของอุบัติเหตุครั้งนี้ และคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งของอินโดนีเซียได้เปิดการสอบสวนแล้ว
พลเอกฮีโรไนมัส กูรู ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ แถลงจากจาการ์ตาว่า สภาพภูมิประเทศอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุของเครื่องบินไตรกานา แอร์ โดยมีความเป็นไปได้ว่า เครื่องบินชนยอดเขาและตกลงในหุบเขา เนื่องจากจุดที่พบซากเครื่องบินมีความลาดชันอย่างมาก
โศกนาฏกรรมล่าสุด ซึ่งเป็นอุบัติเหตุเครื่องบินตกร้ายแรงครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ ตอกย้ำสถิติความปลอดภัยที่ย่ำแย่ของอินโดนีเซีย
แดนอิเหนาได้คะแนนต่ำมากในการตรวจสอบความปลอดภัยประจำปี 2014 ที่จัดทำโดยองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ในสังกัดสหประชาชาติ ซึ่งสรุปว่า สาเหตุสำคัญมาจากการที่กระทรวงคมนาคมแดนอิเหนามีบุคลากรไม่เพียงพอรับมือการขยายตัวของการเดินทางทางอากาศ
ทั้งนี้ไอเคโอมีหน้าที่กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ รวมถึงตรวจสอบความสามารถของประเทศต่างๆ ในการกำกับดูแลสายการบินภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ไอเคโอกำหนด
แหล่งข่าวสองรายที่เข้าถึงการตรวจสอบของไอเคโอเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อินโดนีเซียประสบปัญหาในการว่าจ้างและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อกำกับตรวจสอบตลาดการบินที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาตา) คาดว่า จะโตเป็น 3 เท่าตัวภายในปี 2034
นับจากการตรวจสอบในปี 2014 อินโดนีเซียได้เสนอแผนการแก้ไข ทว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ผู้ตรวจสอบของไอเคโอจะไม่กลับไปตรวจสอบความคืบหน้าหรือประเมินผลใหม่จนกว่า ปัญหาส่วนใหญ่จะได้รับการแก้ไขแล้วเท่านั้น
นอกจากนั้น ตามปกติแล้ว ไอเคโอจะเผยแพร่คะแนนการตรวจสอบทางระบบออนไลน์ แต่จะไม่แจกแจงปัญหาที่เฉพาะเจาะจงซึ่งเป็นที่มาของคะแนนนั้นๆ แต่อย่างใด
ในการตรวจสอบที่ดำเนินการเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว อินโดนีเซียได้คะแนนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยในทั้ง 8 หมวด ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ได้คะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยอย่างน้อยในบางหมวด
หมวดที่อินโดนีเซียได้คะแนนต่ำสุดคือ “องค์กร” ที่แดนอิเหนาทำได้เพียง 20% จากคะแนนเฉลี่ย 64% และ “การสอบสวนอุบัติเหตุ” ที่ได้เพียง 31% จากคะแนนเฉลี่ย 55%
ส่วนหมวดที่อินโดนีเซียทำได้ดีที่สุดคือ “ความสมควรเดินอากาศของอากาศยาน” ได้ 61% จากคะแนนเฉลี่ย 74%
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่ได้ทำเครื่องหมายกำกับว่า “มีข้อวิตกด้านความปลอดภัยสำคัญ” ซึ่งหมายความว่าเป็นปัญหารุนแรงที่สุด