เอเจนซีส์ - พายุฝนฟ้าคะนองในวันอังคาร (18 ส.ค.) ส่งผลให้ความพยายามในการเก็บกู้สารพิษและสารอันตรายจากเหตุระเบิดในเขตอุตสาหกรรมและโกดังเมืองเทียนจิน ประสบความยากลำบากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความกังวลว่า ฝนอาจทำให้สารอันตรายแพร่กระจายออกไปหรือทำปฏิกิริยาเคมีจุดชนวนระเบิดครั้งใหม่ ขณะเดียวกัน ทางการจีนกำลังสอบสวนทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารบริษัทเจ้าของโกดัง เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า บริษัทดังกล่าวดำเนินการเกี่ยวกับสารพิษโดยที่ไม่ได้มีใบอนุญาตมานานหลายเดือน
พายุฝนเริ่มโหมกระหน่ำตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร (18) หลังจากที่ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ร่วมยืนไว้อาลัยเนื่องในวาระครบรอบ 7 วันของหายนภัยครั้งนี้ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 114 ราย สูญหาย 57 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 52 คน
เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นที่โกดังเก็บวัสดุอันตราย ซึ่งมี โซเดียมไซยาไนด์ สารพิษที่อาจลุกไหม้เมื่อถูกน้ำ จัดเก็บอยู่ถึงราว 700 ตัน ขณะที่กฎหมายอนุญาตให้จัดเก็บได้ไม่เกิน 10 ตัน ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการปนเปื้อน และเจ้าหน้าที่ต้องประกาศเขตควบคุมในรัศมี 3 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุเพื่อทำความสะอาดและเก็บกู้สารพิษ
เป่า จิงหลิง หัวหน้าวิศวกรของสำนักงานสิ่งแวดล้อมเทียนจิน แถลงว่าจากจุดทดสอบ 29 จุด ภายในพื้นที่ซึ่งเกิดการระเบิด มีอยู่ 8 จุดพบการปนเปื้อนของไซยาไนด์สูงกว่าระดับที่ปลอดภัยถึง 28 เท่า แต่ในจุดทดสอบ 14 จุด ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ระเบิดนั้น ไม่พบการปนเปื้อนในระดับที่ไม่ปลอดภัย
เขาระบุด้วยว่า หากฝนตกหนัก ก็จำเป็นต้องระบายน้ำออกจากแอ่งต่าง ๆ ที่เกิดจากการระเบิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่พบการรั่วไหลของโซเดียมไซยาไนด์ และได้ปิดทางน้ำทั้งหมดที่ออกจากเขตระเบิดสู่ทะเลแล้ว รวมถึงได้ใช้ทรายและดินสร้างเป็นพนังกันน้ำกั้นรอบ ๆ พื้นที่ราว 100,000 ตารางเมตรที่เป็นเขตศูนย์กลางการระเบิด
อย่างไรก็ดี ประชาชนยังพากันเคลือบแคลงกับคำรับรองของทางการ ขณะที่กฃึใสิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” เรียกร้องให้ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
ทั้งนี้ นอกจากอาจเกิดการระเบิดได้เมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำแล้ว โซเดียมไซยาไนด์ยังสามารถปล่อยก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่ใช้ประหารชีวิตนักโทษในอเมริกา
ขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับตรวจสอบว่า บริษัทผลิตและจัดเก็บสารอันตรายต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงว่า บริษัทเหล่านั้นตั้งอยู่ห่างไกลจากเขตที่อยู่อาศัยและไม่จัดเก็บสารพิษเกินระดับที่ได้รับอนุญาตหรือไม่
นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรีจีน ออกคำแถลงในวันอังคาร (18) ว่า ทีมสอบสวนที่นำโดยหยาง ฮวนนิง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงความปลอดภัยแห่งชาติ ได้เปิดการสอบสวนกรณีการระเบิดที่ท่าเรือเทียนจินแล้ว และสื่อรายงานว่า ผู้บริหารของบริษัทที่จัดการโกดังสินค้าที่เกิดเหตุ 10 คนถูกตำรวจควบคุมตัว ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงประธานบริหาร
ทางด้านคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแถลงในวันเดียวกันว่า หยาง ต่งเหลียง ประธานหน่วยงานความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติของจีนและอดีตรองนายกเทศมนตรีเทียนจิน กำลังถูกสอบสวนกรณี “สงสัยว่าละเมิดวินัยและกฎหมายขั้นร้ายแรง” ทั้งนี้ ปกติแล้วการใช้ถ้อยคำเช่นนี้ของคณะกรรมการทรงอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ชุดนี้ หมายถึงการทุจริตคอร์รัปชัน
คณะรัฐมนตรีจีนยังกล่าวถึงเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 12 โดยใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวว่าเป็น “เหตุเพลิงไหม้และระเบิดครั้งรุนแรงมาก” และการสอบสวนจะมุ่งหาตัวคนผิดและแนวทางในการดำเนินการกับคนเหล่านั้น
ก่อนหน้านี้ อัยการในเทียนจินเผยว่า กำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่อาวุโส 2 คนจากเขตปินไห่ เนื่องจากสงสัยว่า ทุจริต แต่ไม่ได้ระบุว่า เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งร้ายแรงนี้หรือไม่
หนิว เหวกวง รองผู้บัญชาการแผนกดับเพลิงแห่งชาติ เปิดเผยในเว็บไซต์ของบริการดับเพลิงจีน ว่า ในโกดังที่เกิดเหตุ มีสารเคมีอันตรายจัดเก็บอยู่กว่า 40 ชนิด รวมปริมาณราว 3,000 ตัน โดยเป็นแอมโมเนียไนเตรตที่สามารถใช้ผลิตทั้งปุ๋ยและระเบิดแสวงเครื่อง 800 ตัน และโปแตสเซียมไนเตรตที่ผลิตปุ๋ยได้เช่นกัน รวมถึงเป็นส่วนประกอบในการผลิตดินปืนและบางครั้งใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหาร อีก 500 ตัน
ตามกฎความปลอดภัยของจีนกำหนดให้โกดังจัดเก็บสารอันตรายต้องอยู่ห่างจากพื้นที่พักอาศัย อาคารสาธารณะ และทางหลวงอย่างน้อย 1,000 เมตร แต่จากแผนที่ออนไลน์ระบุว่า รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชันแนล ลอจิสติกส์ เจ้าของโกดังที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ในระยะ 500 เมตรจากทางด่วนและโครงการอพาร์ตเมนต์ขนาด 100,000 ตารางเมตร โดยอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด และต้องอพยพผู้อยู่อาศัยออกทั้งหมด หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลซื้อคืนเนื่องจากคงไม่สามารถกลับไปอยู่อาศัยได้อีกต่อไปเพราะมีการปนเปื้อนของสารพิษ
วันอังคารที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหวายังรายงานว่า รุ่ยไห่เพิ่งได้ใบอนุญาตจัดการสารเคมีอันตรายเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่า นับจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วจนถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ บริษัทแห่งนี้ดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาต
ขณะเดียวกัน ฟิตช์ เรตติงส์ ระบุว่า พวกบริษัทประกันภัยจีนอาจต้องรับผิดชอบค่าสินไหมจากเหตุระเบิดใหญ่ในเทียนจินจำนวนมหึมา โดยเป็นไปได้ว่า อาจเกิน 1,000 - 1,500 ล้านดอลลาร์