เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ถือเป็นสิ่งที่น่าตกใจเมื่อพบจำนวนของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากนั้นมีจำนวนมาก และต้องตกใจเมื่อพบว่ารัฐโกลเดนสเตทแห่งนี้ใช้ผู้ต้องขังร่วม 4,000 คน หรือคิดเป็น 30% ของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าทั้งหมดในการทำหน้าที่ดับไฟป่าที่เกิดขึ้นในหลายครั้ง หลายโอกาสในการทำงานตลอดทั้งวันกับค่าแรงที่ต่ำไม่ถึง 2 ดอลลาร์ต่อวัน
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (15) ว่า บรรดานักโทษความผิดอุกฉกรรจ์ขั้นต้นของรัฐแคลิฟอร์เนียร่วม 4,000 คน ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียในอัตราค่าตอบแทนตั้งแต่ 1.45 - 3.90 ดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯกำหนด แต่ทว่าในทางกลับกัน ผู้ต้องขังเหล่านี้หวังว่า การทำหน้าที่ช่วยดับไฟป่าที่สามารถประหยัดภาษีร่วมหลายล้านดอลลาร์ จะสามารถลดหย่อนโทษจำคุกให้ลดลงได้ Mother Jones สื่อการเมืองสหรัฐฯรายงาน
ทั้งนี้ โครงการ Conservation Camps เกิดขึ้นจากการริเริ่มของแผนกราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ CDCR ซึ่งบรรดานักโทษของรัฐจะได้รับการฝึกฝนที่จะทำให้สิ่งที่จะก่อให้เกิดการติดไฟได้ง่ายออกไป และรวมไปถึงการดับกองไฟหากมีการลุกโชนขึ้น
และยังพบว่า จากข้อมูลของ CDCR นักโทษที่ผ่านการฝึกฝนได้เข้าปฎิบัติงานจริงจะได้รับค่าตอบแทนราว 1.45 - 3.90 ดอลลาร์ต่อวัน และรวมไปถึงการได้รับการลดจำนวนที่ต้องถูกกักขัง 2 วันสำหรับการทำงานทุกวันของคนเหล่านั้น
ซึ่งชุดปฎิบัติงานของผู้ต้องขังจะเป็นชุดสีส้มในขณะชุดของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ารัฐแคลิฟอร์เนีย CAL จะอยู่ในชุดสีเหลือง
หนึ่งในผู้ต้องขัง คอรี ซิลส์ (Cory Sills) ได้เปิดเผยกับสื่อวิทยุท้องถิ่น KQED ว่า ถึงแม้ต้องทำงานกะ 24 ชม. แต่เขามีความสุขที่ได้เข้าร่วมโครงการ Conservation Camps นี้ โดยเฉพาะผู้ตั้งขังเช่นเขาได้รับการปฏิบัติที่ดีเมื่อเที่ยบกับในเวลาที่อยู่ภายในเรือนจำ
นอกจากนี้ ไมเคิล ดิกแนน (Michael Dignan) ผู้ต้องขังอีกคนที่ใกล้การถูฏปล่อยตัว และได้ทำหน้าที่ดับไฟป่ามาถึง 4 ปี ได้ให้ความเห็นในการเข้าร่วมโครงการนี้ว่า บรรดาผู้ต้องขังไม่ต้องกลับเข้าไปนอนในเรือนจำ แต่ทว่าจะนอนพักผ่อนในบริเวณที่คล้ายกับค่ายทหารและมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำรัฐเป็นผู้คุมอยู่ด้านนอก และยังได้รับประทานอาหารที่รสชาดดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ต้องติดอยูในเรือนจำ
สื่อรัสเซีย รายงานว่า โครงการ Conservation Camps นี้ที่ใช้แรงงานราคาถูกในการปฏิบัติหน้าที่สามารถช่วยประหยัดภาษีรัฐได้ถึง 80 ล้านดอลลาร์ต่อปี
แต่อย่างไรก็ตาม การที่นักโทษเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่ดับไฟป่านั้นทำให้ชีวิตผู้ต้องขังเหล่านี้ตกอยู่ในอันตรายเมื่ออยู่ในวงล้อมไฟที่โหมแรง
ซึ่ง บิล เซสซา (Bill Cessa)โฆษก CDCR กล่าวว่า “ทางเราไม่เคยปิดบังกับผู้ต้องขังที่อาสาเข้าร่วมโครงการว่า การทำงานดับไฟป่านี้มีอันตรายถึงขั้นชีวิต เพราะเมื่อกลุ่มผู้ต้องขังต้องเผชิญหน้ากับไฟป่า ที่ไม่ใช่ขนาดย่อมเช่นไฟไหม้กองหญ้า แต่เป็นไฟป่าที่มีเปลวไฟสูงถึง 30.48 ม.
แต่ใช่ว่าโครงการนี้จะราบรื่นเสียที่เดียว เมื่อพบว่า โครงการปล่อยผู้ต้องขังก่อนกำหนดนั้นกระทบต่อโครงการนักโทษอาสาดับไฟป่า ซึ่งในปี 2014 อัยการรัฐแคลิฟอร์เนียได้ให้ความเห็นว่า โครงการปล่อยผู้ต้องขังก่อนกำหนดจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อโครงการ Conservation Camps ซึ่งจะทำให้มีนักโทษอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการนี้น้อยลง ในขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญกับภัยไฟป่าและภัยแล้ง
และในเวลาไม่นานหลังจากนั้น อัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย คามาลา แฮร์ริส (Kamala Harris) ได้ยุติการลังเลของเจ้าหน้าที่ในนโยบายปล่อยตัวก่อนกำหนดว่า นับตั้งแต่นี้ผู้ต้องขังที่ได้รับโทษจองจำต่ำจะได้รับการพิจารณาถูกปล่อยตัวเร็วก่อนกำหนด ยกเว้นหากมีการพิสูจน์ได้ว่าตัวเลขจำนวนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอาสาสมัครนั้นลดต่ำลง Mother Jones รายงานต่อ
แต่ไม่ใช่ผู้ต้องขังทุกคนที่ชื่นชอบการทำงานอาสาดับไฟป่าเพื่อแลกกับการลดโทษทุกคน เพราะในปี 2014 Buzzfeed สื่อออนไลน์ได้รายงานในการให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องขังเรือนจำรัฐแคลิฟอร์เนียกับฟิลลิป กูดแมน ( Philip Goodman) นักสังคมวิทยาจากแคนาดา ซึ่งพบว่า นักโทษ 10 คนจากจำนวนทั้งหมด 45 คน ได้ระบุถึงสภาพการทำงานและระยะเวลากะการทำงานว่า “เหมือนเยี่ยงทาส” ในขณะที่นักโทษ 7 จากทั้งหมดกล่าวว่า “นี่เป็นการวิธีละลายพฤติกรรม”
ด้าน แดเนียล เบอร์แลนต์ (Daniel Berlant) โฆษกแผนกป่าไม้และการป้องกันไฟป่ารัฐแคลิฟอร์เนียให้ความเห็นถึงโครงการ Conservation Camps ว่า “ผู้ต้องขังอยู่ภายนอกรั้วกำแพงเรือนจำ ปฏิบัติหน้าที่ในงานที่มีศักดิศรี และเรียนรู้ทักษะที่คนเหล่านี้ไม่สามารถจะเรียนได้ภายในเรือนจำ พวกเขาย่อมไม่อยากจะทำพลาดแน่นอน”