เอเอฟพี – องค์กรตัวแทนญาติผู้โดยสาร MH370 ประกาศ “ไม่ยอมรับ” คำยืนยันของรัฐบาลมาเลเซียที่ว่า เศษปีกเครื่องบินบนชายหาดเกาะลาเรอูนิยงมาจากเที่ยวบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายไปเมื่อปีที่แล้ว โดยยืนกรานจะรอผลตรวจพิสูจน์ที่แน่นอนเสียก่อน
กลุ่ม “วอยซ์ 370” ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือญาติผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 แสดงความกังขาต่อวิธีรับมือสถานการณ์ของรัฐบาลเสือเหลือง หลังจากที่โบอิ้ง 777 ลำนี้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อปีที่แล้ว พร้อมเรียกร้องให้นำชิ้นส่วนที่อาจจะมาจาก MH370 ถูกชิ้นไปตรวจวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเป็นกลาง
นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย เปิดแถลงข่าวเมื่อกลางดึกวันพฤหัสบดีที่แล้ว(6) โดยประกาศว่า ชิ้นส่วน flaperon จากปีกเครื่องบินโดยสารที่ถูกกระแสน้ำซัดมาเกยหาดเกาะลาเรอูนิยง ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสกลางมหาสมุทรอินเดีย ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญเมืองน้ำหอมว่ามาจาก MH370 อย่างแน่นอน และถือเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ยืนยันได้ว่า เครื่องบินลำนี้พบจุดจบกลางทะเล
“ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนออกมาสรุปชัดเจนเหมือนที่นายกฯ มาเลเซียกล่าวสักราย” กลุ่ม วอยซ์ 370 แถลง
“คงไม่ต้องบอกว่า ญาติผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่เชื่อคำยืนยันของรัฐบาลมาเลเซีย พวกเขาต้องการทราบผลวิเคราะห์ที่ชัดเจนและแน่นอนเท่านั้น”
การหายสาบสูญของเที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คนเมื่อกลางดึกวันที่ 8 มีนาคม กลายเป็นปริศนาลึกลับที่สุดอย่างหนึ่งในแวดวงการบินโลก และนำมาซึ่งปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่บริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดตกของเครื่องบิน
รัฐบาลเสือเหลืองและสายการบินแห่งชาติมาเลเซียถูกวิจารณ์ว่าตอบสนองโศกนาฏกรรมการบินครั้งนี้อย่างไร้ประสิทธิภาพ แจ้งความคืบหน้าล่าช้า และยังเสนอข้อมูลที่สับสนหรือขัดแย้งกันเองหลายครั้ง
วอยซ์ 370 ระบุว่า ครอบครัวผู้โดยสาร “ไม่ศรัทธาในวิธีรับมือสถานการณ์ของมาเลเซียตั้งแต่วันแรก... และรู้สึกสงสัยเรื่องความเชี่ยวชาญ ศักยภาพ และเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาล”
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสยังไม่ด่วนสรุปที่มาของเศษ flaperon ที่พบบนเกาะลาเรอูนิยง โดยระบุเพียงแค่ว่า “มีความเป็นไปได้สูง” ที่จะมาจาก MH370
วอยซ์ 370 แถลงทิ้งท้ายว่า “พวกเราซึ่งเป็นญาติผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 ขอวิงวอนให้นำชิ้นส่วนทุกชิ้นไปตรวจวิเคราะห์ยังสถาบันที่มีชื่อเสียง โดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความชำนาญและมีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย” ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสอาจจะเข้ามาเป็นผู้นำในการตรวจสอบ หรือจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ ก็ได้