เอเจนซีส์ /ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ถึงแม้ข่าว “อีโบลา” จะห่างหายไปจากความสนใจของทั่วโลก แต่ทว่าองค์การอนามัย WHO ล่าสุดออกมาเตือนผ่านรายงานประจำปีการระบาดโรคอีโบลาที่ถูกเผยแพร่ในวันพุธ (5 ส.ค.) ว่า ยอดการติดเชื้ออีโบลายังคงสูง และยังไม่หยุดการแพร่ระบาดแต่อย่างใด หลังจากที่มีเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่ถูกพบในเกียนา และเซียราลีโอน 2 ใน 3 ของประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่มีการแพร่ระบาดโรคร้ายแรงที่สุดในโลก
NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (5) ว่า มีการพบเคสผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาเพิ่มขึ้นในเกียนาและเซียราลีโอนล่าสุด จากการรายงานประจำปีการแพร่ระบาดอีโบลาขององค์การอนามัยโลก WHO ที่เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อ 1 รายที่หายตัวในเกียนา และคาดว่าน่าจะแพร่โรคไปให้คนอื่นในระหว่างที่คนไข้หญิงรายนี้ได้เดินทางข้ามพรมแดน และได้เดินทางไปหาผู้เยียวยาของชนเผ่า WHO รายงาน
“ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดลงในวันที่ 2 สิงหาคม มีรายงานยืนยันการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 2 เคส โดยมี 1 รายในเกียนา และอีกรายในเซียราลีโอน และนี่เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันที่มีการพบคนไข้ติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นประจำสัปดาห์ในจำนวนตัวเลขตัวเดียว” WHO ชี้แจงผ่านรายงานประจำปีการระบาดโรคอีโบลาที่เผยแพร่ออกมาในพุธ (5)
และสื่อสหรัฐฯ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า มีข่าวดีเมื่อพบว่าไลบีเรีย 1 ใน 3 ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 21 ล่าสุด ซึ่งอีโบลาถือเป็นโรคระบาดที่น่ากลัวที่สุดในศตวรรษที่ 21 ที่มีการติดเชื้อเกือบ 28,000 คน และเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 11,000 ราย และมีอีกเป็นจำนวนมากไม่ได้รับการบันทึกว่าเสียชีวิตจากโรคอีโบลา
สื่อสหรัฐฯ ยังรายงานเพิ่มเติมว่า และเป็นข่าวดีอีกครั้งเมื่อพบว่าการพัฒนาวัคซีนเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคที่ทดลองในเกียนาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งวัคซีนชนิดนี้จะถูกแจกจ่ายให้กับเด็กๆต่อไป
“ในขณะที่วัคซีนแสดงผลประสิทธิภาพคุ้มครองต่อผู้ทดสอบ 100% แต่ทว่าเรายังต้องการหลักฐานที่พิสูจน์ได้แน่ชัดว่าวัคซีนนี้ใช้ได้ผลอีกจำนวนหนึ่งเพื่อความมั่นใจ” WHO กล่าวต่อ และเสริมต่อว่า “ในการทดสอบทางคลินิกจะมีการใช้ผู้ทดสอบที่มีช่วงอายุระหว่าง 13-17 ปี และอาจเป็นไปได้ที่จะรวมไปถึงช่วงอายุ 6-12 ปี ขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของวัคซีนตัวใหม่ที่กำลังพัฒนาอยู่นี้”
แต่ทว่า NBC News ชี้ว่า ถึงมีข่าวดีปรากฏ แต่ทว่าข่าวร้ายยังคงเกิดขึ้นเมื่อพบว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้นในไม่อีกกี่สัปดาห์หน้านี้ โดย WHO แถลงว่า “จำนวนผู้สัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาร่วม 2,000 รายจาก 5 เขตในเกียนา และ 4 เขตในเซียราลีโอนยังคงอยู่ในการเฝ้าระวัง และถึงแม้จะมีความพยายามอย่างเต็มที่ของฝ่ายภาครัฐ แต่ทว่ายังคงพบว่า ยังคงมีจำนวนของผู้สัมผัสกับผู้ป่วยอีโบลาไม่สามารถถูกติดตามตัวได้อีก หรือไม่สามารถติดตามอาการได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมีแนวโน้มว่าจะพบการติดเชื้ออีโบลารายใหม่เกิดขึ้นสูงในเกียนาและเซียราลีโอนอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”
ในรายงานฉบับนี้ WHO ยังได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ของคนไข้หญิงติดเชื้ออีโบลารายหนึ่งที่ได้หายตัวไปในเกียนา “คนไข้หญิงวัย 28 ปี เข้ารายงานตัวว่าป่วยติดเชื้อในกรุงโคนาครีของเกียนาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้” และรายงานยังระบุต่อว่า “หลังจากที่ทางผู้ให้บริการทางการแพทย์ไม่สามารถติดตามคนไข้รายนี้ได้ ผู้ป่วยหญิงรายนี้เดินทางไปทางใต้จากเมืองหลวงของเกียนา ผ่าน Forecariah และเข้าสู่แกมเบียและเซียราลีโอน ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับรายงานว่าผู้ป่วยหญิงวัย 28 ปีรายนี้ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้เยียวยาชนเผ่าก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังราโตมา (Ratoma) ผ่านทาง Forecariah อีกครั้ง ซึ่งมีการระดมกำลังในการติดตามผู้ที่เคยได้รับการติดต่อและสัมผัสคนไข้รายนี้ทั้งในเกียนาและเซียราลีโอน”
แต่เป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่า เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมรายชื่อได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 รายที่อยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวัง นอกจากนี้ ในรายงานฉบับเดียวกันนี้ WHO ยังได้ชี้ถึงความยากลำบากในการป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดโรคจากคนไข้อีโบลาต่อผู้อื่น ซึ่งถือเป็นการยากที่จะทำให้โรคระบาดนี้สูญพันธุ์ โดยมีรายงานว่า ในเซียราลีโอนมีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 600 คนได้รับการแพร่เชื้อจากคนไข้อีโบลาเพียง 1 รายเท่านั้น