xs
xsm
sm
md
lg

InPics : พบซากเครื่องบินปริศนาบนเกาะกลางมหาสมุทรอินเดีย ลือเป็น MH370!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online





เอเอฟพี - พบซากเครื่องบินปริศนาถูกซัดเกยตื้นเกาะเรอูว์นียงของฝรั่งเศส กลางมหาสมุทรอินเดีย ในวันพุธ (29 ก.ค.) กระพือข่าวลือว่ามันอาจเป็นชิ้นส่วนเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเดือนมีนาคมปี 2014

เศษซากความยาว 2 เมตรซึ่งน่าจะเป็นชิ้นส่วนปีก ถูกพบโดยผู้คนที่กำลังทำความสะอาดชายหาด “มันมีเปลือกหอยติดอยู่ ดังนั้นบางคนจึงเชื่อว่ามันน่าจะเคยอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน” ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งบอก
ซากเครื่องบินปริศนาถูกซัดเกยตื้นเกาะเรอูว์นียงของฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ที่ถูกพบในวันพุธ(29ก.ค.)
เจ้าหน้าที่ขนส่งทางอากาศของฝรั่งเศสได้เปิดการสืบสวนเพื่อค้นหาที่มาที่ไปของซากดังกล่าวแล้ว โดยที่ ซาเวียร์ ไทเทลมาน ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยด้านการบิน ให้ความเห็นว่าไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่เศษซากดังกล่าวจะเป็นของเที่ยวบิน MH370 ซึ่งสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อกว่าหนึ่งปีก่อน

จนถึงตอนนี้ยังไม่พบเศษซากใดๆของ MH370 ที่กลายเป็นหนึ่งในเหตุลี้ลับทางการบินครั้งพิศวงที่สุด แต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มาเลเซียประกาศอย่างเป็นทางการว่าการหายสาบสูญเที่ยวบิน MH370 เป็นอุบัติเหตุและผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คนเสียชีวิตทั้งหมด

เครื่องบินเที่ยวจากกัวลัมลัมเปอร์ ลำนี้สูญหายไปในยามค่ำคืนเหนือทะเลจีนใต้ หลังวกกลับจากที่ต้องบินขึ้นเหนือเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางกรุงปักกิ่ง ขณะที่ ไทเทลมาน ตั้งข้อสังเกตว่าภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนท้องถิ่น เผยให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างชิ้นส่วนปีกโบอิ้ง 777 กับเศษซากที่พบ ทั้งนี้โบอิ้ง 777 เป็นรุ่นเดียวกับเครื่องบินที่สูญหาย

นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตหมายเลข BB670 บนเศษซากดังกล่าวว่า “รหัสนี้ไม่ใช่หมายเลขทะเบียนเครื่องบินหรือหมายเลขสินค้า แต่ชัดเจนว่าหมายเลขอ้างอิงนี้จะช่วยให้ระบุตัวตนของมันได้อย่างรวดเร็ว และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะได้คำตอบที่แน่ชัด”

ด้านโบอิ้งระบุในถ้อยแถลงว่าพวกเขายังคงสนับสนุนปฏิบัติการสืบสวน MH370 และค้นหาเครื่องบินลำดังกล่าว “เรายังเดินหน้าแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและการวิเคราะห์ร่วมกับอุตสาหกรรมการบินโลกทั้งมวล เป้าหมายที่ยังคงอยู่ของเรา ไม่ใช่แค่การค้นหาเครื่องบิน แต่ยังรวมถึงการสรุปที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้” บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุ

ปฏิบัติการค้นหาที่นำโดยออสเตรเลีย สอดส่องไปทั่วครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 50,000 ตารางกิโลเมตรของพื้นทะเล โดยราว 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ค้นหาอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสรุปผ่านการวิเคราะห์สัญญาณจาก MH370 ที่ตรวจจับได้โดยดาวเทียมลูกหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การค้นหาของเรือ 4 ลำที่โยงสายเคเบิลยาว 10 กิโลเมตร ติดกับระบบโซนาร์สแกนท้องทะเล กลับไม่พบอะไรเลยยกเว้นตู้คอนเทนเนอร์ของเรือขนส่งสินค้าและซากเรือเก่าๆ เท่านั้น

เหล่าญาติที่โกรธกริ้ววิพากษ์วิจารณ์แนวทางการรับมือวิกฤตเครื่องบินสูญหายของมาเลเซีย และมีคำถามว่าทำไมถึงเลือกพุ่งเป้าค้นหาไปที่ทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย

นอกจากปฏิบัติการค้นหาดังกล่าวที่พิสูจน์แล้วว่าไร้ประโยชน์ การคาดเดาเกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินก็ยังเป็นเป้าสนใจในลำดับต้นๆ ในความเป็นไปได้ทั้งปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง จี้เครื่องบิน แผนก่อการร้าย หรือไม่ก็อาจเป็นฝีมือของนักบิน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานใดมาพิสูจน์ข้อสันนิษฐานเหล่านี้

ด้วยปราศจากข้อมูลที่หนักแน่นจึงกระพือให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ นานา มีทั้งออกหนังสือ จัดทำสารคดีและโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนทางออนไลน์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ต่างๆ นานาเหล่านั้น ในนั้นรวมถึงข้อสันนิษฐานที่ว่าเครื่องบินลำนี้ถูกยึดใช้เป็นระเบิดบินได้มุ่งหน้าสู่สถาบันทางทหารของสหรัฐฯบนเกาะดิเอโก การ์เซีย และถูกอเมริกายิงตก แต่ทางวอชิงตันปฏิเสธคำกล่าวอ้าหงนี้

ส่วน เจฟฟ์ ไวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินของสหรัฐฯ สันนิษฐานเมื่อช่วงต้นปีว่า เที่ยวบิน MH370 ถูกควบคุมไปยังฐานทัพแห่งหนึ่งของรัสเซียในคาซัคสถาน ในความพยายามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่หวังข่มขู่ตะวันตก ระหว่างวิกฤตยูเครน หรือไม่ก็ต้องการเข้าถึงผู้โดยสารคนใดคนหนึ่งหรือสิ่งของที่ผู้โดยสารรายนั้นถือครองอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น