เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสซึ่งตรวจวิเคราะห์หลักฐานทางชีวภาพยืนยันผลพิสูจน์เดิมเมื่อปี 2004 ที่ระบุว่า ยัสเซอร์ อาราฟัต อดีตผู้นำปาเลสไตน์ ไม่ได้เสียชีวิตเพราะถูกวางยาพิษแต่อย่างใด อัยการเมืองน้ำหอมแถลงวานนี้ (16 มี.ค.)
อัยการประจำเขตนองแตร์ทางฝั่งตะวันตกของกรุงปารีส แถลงว่า จากการตรวจพิสูจน์ซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญไม่พบร่องรอยการ “เล่นสกปรก” ที่อาจนำมาซึ่งการตายของอาราฟัต อย่างที่มีผู้เสนอทฤษฎีสมคบคิดจนแพร่หลายออกไป
ก่อนหน้านี้ ห้องปฏิบัติการในเมืองโลซานน์เคยนำตัวอย่างทางชีวภาพจากสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของอาราฟัต ที่ตกเป็นสมบัติของภรรยาหม้ายของเขามาตรวจสอบ และพบ “พอโลเนียม” สารกัมมันตรังสีที่มีอันตรายสูงเกินระดับปกติ แต่ไม่ได้สรุปออกมาแน่ชัดว่าอาราฟัตตายเพราะถูกพิษดังกล่าว
มาคราวนี้ ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสยืนยันผลสรุปดั้งเดิมว่า พอโลเนียม-210 และ ตะกั่ว-210 ที่พบภายในหลุมฝังศพอาราฟัตและตัวอย่างทางชีวภาพ มีที่มาจากสิ่งแวดล้อม เคทเธอรีน เดนิส อัยการเขตนองแตร์ แถลง
จากการนำข้อมูลเดิมมาตรวจวิเคราะห์ซ้ำ “ได้ผลขัดแย้งกับสมมติฐานที่ว่าผู้ตายได้กลืนกิน พอโลเนียม-210 ในช่วงไม่กี่วันก่อนที่จะเริ่มแสดงอาการป่วย”
ข้อสรุปล่าสุดนี้เป็นการยืนยันผลวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสเมื่อปี 2013 ซึ่งตรงกับสิ่งที่ทีมนักวิทยาศาสตร์รัสเซียวิเคราะห์ได้ แต่ถึงกระนั้นทีมผู้เชี่ยวชาญสวิสกลับชี้ว่าทฤษฎีการวางยาพิษ “สอดคล้อง” กับผลการตรวจสอบของพวกเขามากกว่า
อาราฟัต วัย 75 ปี เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี 2004 ที่โรงพยาบาลเพอร์ซีเดอคลามาต์ ใกล้กับกรุงปารีส โดยถูกนำส่งโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมเนื่องจากมีอาการปวดท้องรุนแรง
ก่อนหน้านั้นเขาอาศัยอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในเมืองรามัลเลาะห์ เขตเวสต์แบงก์ มาตั้งแต่ปี 2001 ท่ามกลางวงล้อมของทหารอิสราเอล
เมื่อปี 2012 นางซูฮา ภรรยาหม้ายของอาราฟัต ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเขตนองแตร์ โดยอ้างว่าสามีถูกลอบสังหาร ส่งผลให้ต้องมีการเปิดหลุมฝังศพอาราฟัตในปีเดียวกัน เพื่อให้ทีมผู้เชี่ยวชาญ 3 ชุดจากฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และรัสเซีย ได้เก็บตัวอย่างทางชีวภาพประมาณ 60 ชิ้นไปตรวจสอบ
ชาวปาเลสไตน์จำนวนไม่น้อยเชื่อว่าอาราฟัตถูกอิสราเอลวางยาพิษ โดยบุคคลใกล้ชิดของอดีตผู้นำปาเลสไตน์สมรู้ร่วมคิดด้วย
อันตรายจากพิษของพอโลเนียม-210 เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในปี 2006 เมื่อ อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเน็นโก อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซียซึ่งผันตัวมาเป็นศัตรูของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ถูกลอบสังหารที่กรุงลอนดอน และผลชันสูตรก็พบไอโซโทปพอโลเนียมปริมาณสูงอยู่ในร่างของศพ
สายลับรัสเซีย 2 คนตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในคดีนี้ แต่มอสโกปฏิเสธที่จะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามคำขอของตำรวจอังกฤษ