xs
xsm
sm
md
lg

Focus : สื่อสหรัฐฯ ชี้ดีลนิวเคลียร์อิหร่านกระทบหมีขาวอย่างจัง!! ปูตินชนะทางการทูตแต่แพ้ทางเศรษฐกิจ หลังเตหะรานโผสู่อ้อมอกชาติตะวันตก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - The Christian Science Monitor วิเคราะห์โต๊ะเจรจานิวเคลียร์อิหร่านล่าสุดที่ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้มอสโกดูเหมือนได้เปรียบหลังจากที่ใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาสนับสนุนเตหะรานในการเจรจาตกลงโครงการควบคุมการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาโดยตลอด ดูได้จากสามารถคว้าสัญญาการสร้างเตาปฎิกรณ์เคมีเพื่อสันติให้กับเตหะรานได้ถึง 8 แห่ง และเดินหน้าผลักดันการซื้อขายระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ S-300 แต่ทว่าสื่อสหรัฐฯคาดว่า เมื่ออิหร่านสามารถเข้าสู่การค้าในตลาดประชาคมโลกที่มีชาติตะวันตกเป็นหัวเรือใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าความได้เปรียบของรัสเซียในระยะยาวต้องหมดไปอย่างแน่นอน หรืออาจกล่าวได้ว่าชนะทางการทูตแต่แพ้ทางเศรษฐกิจ

The Christian Science Monitor รายงานว่า หลังจากความพยายามอย่างหนักตลอดระยะเวลาหลายปีในการล็อบบี้การเจรจาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับบรรดาชาติตะวันตก ที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับรัสเซียนั้นเหมือนเป็นชัยชนะอีกครั้ง โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าทางมอสโกจะได้รับประโยชน์เพียงแค่ในช่วงระยะสั้นเท่านั้น

แต่ทว่าในระยะยาวแล้วจะพบว่า รัสเซียจะมีข้อจำกัดในการได้เปรียบทางเศรษฐกิจในระยะยาวเมื่ออิหร่านกลับมาผงาดอีกครั้งในเวทีการค้าโลกหลังจากที่ถูกกดอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรเป็นระยะเวลานาน

สื่อสหรัฐฯ ยังชี้ต่อว่า เมื่อวิเคราะห์จากแง่ทางการเมืองเฉพาะหน้า อาจจะเห็นว่ารัสเซียประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในเชิงการทูต ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวชมเชยในบทบาทที่สร้างสรรค์ของรัสเซียในดีลเจรจานิวเคลียร์อิหร่านครั้งนี้ โดยในการสนทนาระหว่างโอบามาและประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ทั้งสองฝ่ายได้เน้นหนักในความร่วมมือที่อาจจะเกิดขึ้นในปัญหาอื่นๆ เป็นต้นว่า ซีเรีย และยูเครน

“ในมอสโกมีความเชื่อมั่นอย่างสูงว่าเราจะประสบความสำเร็จ” เซอร์เก สโตรคาน (Sergei Strokan) คอลัมนิสต์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำหนังสือพิมพ์รัสเซียที่สนับสนุนระบบธุรกิจ Moscow daily Kommersant ให้ความเห็น และเสริมว่า “นี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องอิหร่าน แต่อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก เพราะอย่างน้อยที่สุด เราได้ยินคำชมจากปากของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นว่า รัสเซียไม่ใช่รัฐที่ถูกโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความหมายมากต่อปูตินที่ได้ยินเช่นนั้น”

และคอลัมนิสต์ชาวรัสเซียยังกล่าวต่อไปว่า “แต่อย่างไรก็ตาม รัสเซียเชื่อมั่นว่าจะสามารถเปลี่ยนให้เป็นจุดได้เปรียบในการค้าด้านพลังงานจากการร่วมมือกันในด้านข้อตกลงอิหร่านไปสู่ความก้าวหน้าอย่างแท้จริงในด้านอื่น”

ซึ่ง The Christian Science Monitor รายงานว่ามีผู้สังเกตการณ์บางคนชี้ว่า พวกเขาเริ่มเห็นถึงสัญญาณความร่วมมือกันใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียเพื่อทำตามข้อตกลงการหยุดยิงมินสค์ครั้งที่ 2

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่อิหร่านถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับประชาคมโลกที่มีชาติตะวันตกเป็นแกนนำ รัสเซียได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาถึงปัจจุบันในแง่มุมการค้า ที่พบว่ารัสเซียได้ทำสัญญากับอิหร่านในการก่อสร้างเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อสันติถึง 8 แห่งให้กับอิหร่าน ยังไม่นับรวมไปถึงการประกาศล่าสุดที่จะผลักดันข้อตกลงที่ค้างคามานานกาการซื้อขายระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับทางเตหะราน

อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯ คาดว่า การได้ประโยชน์ทางการค้าของรัสเซียจะสิ้นสุดลงทันทีที่อิหร่านสามารถส่งออกพลังงานสู่ตลาดต่างประเทศได้อีกครั้ง และจะกลายเป็นคู่แข่งรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกด้านพลังงานเช่นกัน เพราะอิหร่านได้ชื่อเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานก๊าซธรรมชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะกลายเป็นหนามยอกให้กับปูตินและรัสเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประเทศผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในตลาดยุโรป

“นอกจากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ยุทโธปกรณ์ทางทหาร และความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมแล้ว เชื่อได้ว่ารัสเซียใม่มีอะไรใหม่นอกเหนือไปจากนี้ที่จะจูงใจให้กับอิหร่านได้ซึ่งเป็นประเทศที่มีความต้องการสูงในทุกสิ่งหลังจากถูกคว่ำบาตรมานาน”สโตรคานกล่าว และเสริมต่อว่า “ตลาดอิหร่านนั้นใหญ่และมีศักยภาพ เราคาดการณ์ว่าจะได้เห็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นกระโจนเข้าไปในทันทีที่มีการเปิดประเทศที่ดูเหมือนเตรียมพร้อมแล้วในขณะนี้ และเป็นที่น่าเสียดายว่ารัสเซียสามารถแข่งขันกับประเทศเหล่านี้ได้ในด้านอื่นๆ ได้อย่างจำกัด”

และคอลัมนิสต์ชาวหมีขาวยังสรุปว่า “ในเบื้องต้นดูเหมือนรัสเซียจะชนะในแง่การทูต และดูเหมือนทางปูตินจะเป็นฝ่ายเหนือกว่าอยู่บ้าง แต่ทว่าเมื่อพิจารณาถึงการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนั้น คล้ายกับคำประกาศิตว่าคนอื่นกำลังจะขึ้นแซงหน้ารัสเซียไป”







กำลังโหลดความคิดเห็น