รอยเตอร์/เอเอฟพี - ครอบครัวของนักเรียนและครู 18 คนที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินเยอรมันวิงส์โหม่งโลก เรียกร้องคำขอโทษจากซีอีโอของลุฟท์ฮันซ่า โดยเชื่อว่าลูกหลานของพวกเขาอาจยังมีชีวิตอยู่หากว่าคณะแพทย์ของสายการบินดังกล่าวให้ความใส่ใจต่อสุขภาพของนักบินมากกว่านี้
เด็กนักเรียน 16 คนและคุณครู 2 คน กำลังเดินทางกลับจากโครงการแลกเปลี่ยนในสเปน นายอันเดียร์ส ลูบิตซ์ ผู้ช่วยนักบินของเที่ยวบินจากบาร์เซโลนามุ่งสู่ดุสเซลดอร์ฟที่พวกเขาโดยสาร จงใจบังคับเครื่องบินพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส เสียชีวิตยกลำ 150 ศพเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
หนังสือที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกส่งถึงคาร์สเทน สปอร์ ซีอีโอของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า บริษัทแม่ของสายการบิน “เยอรมันวิงส์” ครอบครัวเหยื่อบอกว่านายสปอร์ ไม่เคยมาพูดคุยกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว หรือแม้แต่กล่าวคำขอโทษต่อโศกนาฏกรรมดังกล่าว “คุณอยู่ตรงนั้นเพื่อลูกค้าของคุณ แต่ไม่ใช่สำหรับเรา” จดหมายของครอบครับเหสื่อที่เปิดเผยโดยทนายความของพวกเขาระบุ
ในจดหมายเรียกร้องคำขอโทษต่อกรณีที่แพทย์ของลุฟท์ฮันซ่า ไม่ให้ความสนใจต่ออาการป่วยโรคซึมเศร้าของนายลูบิตซ์ และกรณีที่ลุฟท์ฮันซ่าไม่มีกฎระเบียบกำหนดให้นักบิน 2 คนต้องประจำการอยู่ในห้องควบคุมการบินตลอดเวลา ก่อนหน้าเกิดโศกนาฏกรรม “หากให้ความใส่ใจต่อความเสี่ยงเหล่านี้ บางทีเด็กของเราอาจยังมีชีวิตอยู่” พวกเขาระบุ
มาตรการคัดครองนักบินเข้มข้นขึ้นและกฎระเบียบกำหนดให้มีลูกเรือคนที่ 2 นั่งประจำอยู่ในห้องนักบินตลอดเวลา เป็นหนึ่งในบรรดาคำแนะนำต่างๆ ที่หน่วยเฉพาะกิจอียู ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นตามหลังอุบัติเหตุดังกล่าว เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้าน อันเดรียส บาร์เทลส์ โฆษกของลุฟท์ฮันซ่า ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ หวังสยบความขุ่นเคืองของญาติๆ เหยื่อว่า “เราตระหนักถึงความโกรธเคืองและปฏิกิริยาฉุนเฉียวของญาติๆ ดี เราจะทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของญาติๆ เหยื่อ” อย่างไรก็ตาม บาร์เทลส์ปฏิเสธคำกล่าวหาของญาติๆ ที่ว่านายสปอร์เพิกเฉยต่อคำเชิญร่วมพิธีศพของเหยื่อเด็กนักเรียนบางส่วน
ส่วนโฆษกอีกคนของลุฟท์ฮันซ่าเสริมว่า นายสปอร์ได้พูดคุยกับสมาชิกของครอบครัวเหยื่อหลายคนและยอมรับถึงความรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยม รวมถึงได้กล่าวขอโทษต่อความทุกข์ทรมานที่ครอบครัวเหล่านั้นต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังได้ส่งจดหมายแสดงความเสียใจถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้วด้วย
การเผยแพร่จดหมายดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก อัลมาร์ กีเมลลา ทนายความของเหล่าครอบครัวเหยื่อปฏิเสธข้อเสนอเงินชดเชยจากสายการบิน จำนวน 25,000 ยูโร สำหรับค่าความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเหยื่อ โดยระบุว่าตัวเลข 6 หลักน่าจะเหมาะสมกว่า
เยอรมนี ต่างจากสหรัฐฯ เนื่องจากกฎหมายไม่เปิดทางให้จ่ายเงินชดเชยจำนวนมากแก่ความเสียหายด้านในทางจิตใจ อย่างไรก็ตาม เยอรมันวิงส์บอกว่าค่าความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของเงินชดเชยต่างๆ ในนั้นรวมถึงความเสียหายทางทรัพย์สิน อย่างเช่นการสูญเสียรายได้ซึ่งนั่นอาจนำมาซึ่งการจ่ายเงินชดเชยเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก โดยเวลานี้กำลังรอการคำนวณจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย
สายการบินเยอรมันวิงส์ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ครอบครัวเหยื่อเบื้องต้นศพละ 50,000 ยูโร ไม่รวมเงินชดเชยที่ควรจะได้ทั้งหมดในบั้นปลาย นอกจากนั้นเด็กหรือวัยรุ่นที่สูญเสียพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่ง หรือทั้งคู่ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาจากกองทุนพิเศษ สูงสุดไม่เกิน 7.8 ล้านยูโร