อังกฤษหวังเปิดสถานทูตในเตหะรานอีก หลังบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – สหราชอาณาจักรหวังเปิดทำการสถานทูตของตนในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่านอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศเมืองผู้ดี ในวันพุธ ( 15 ก.ค.) หลังการบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์เรื่องโครงการนิวเคลียร์ของรัฐบาลเตหะราน

ฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรระบุว่า หลังความสำเร็จ ในการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านเมื่อวันอังคาร( 14 ก.ค.) รัฐบาลลอนดอนได้ตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่านใหม่อีกครั้ง และว่าอังกฤษหวังว่าการเปิดสถานทูตของตนในกรุงเตหะรานน่าจะมีความคืบหน้าอย่างสำคัญภายในช่วงสิ้นปี 2015 นี้

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรยอมรับผ่านการแถลงต่อรัฐสภาในกรุงลอนดอนว่า การเปิดทำการของสถานทูตอังกฤษในกรุงเตหะรานจะไม่เกิดขึ้น หากอังกฤษและอิหร่านยังไม่สามารแก้ “ปัญหาทางเทคนิค” บางประการได้ แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับปัญหาที่ว่านี้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักร ประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน และสั่งปิดสถานทูตของตนในกรุงเตหะรานหลังเกิดเหตุจลาจลที่มีกลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านจำนวนหลายร้อยคนบุกเข้าไปในสถานทูตเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2011

ทั้งนี้ อิหร่านและมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติ (กลุ่ม P5+1) ซึ่งประกอบด้วย 5 ชาติ “สมาชิกถาวร” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน บวกอีก 1 ประเทศมหาอำนาจจากฝั่งยุโรปอย่างเยอรมนี สามารถบรรลุความตกลงประวัติศาสตร์ทางด้านนิวเคลียร์กันได้เมื่อวันอังคาร (14 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นการปิดฉากการเจรจาแบบมาราธอนที่ใช้เวลายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ และว่ากันว่านี่อาจเป็นข้อตกลงซึ่งน่าจะพลิกโฉมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางครั้งใหญ่

ภายใต้ข้อตกลงนี้ มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านทั้งของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่บังคับใช้มายาวนานจะถูกยกเลิก เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลเตหะรานยอมตกลงตัดทอนโครงการนิวเคลียร์ของตนซึ่งสหรัฐฯ และโลกตะวันตกสงสัยมาโดยตลอดว่า มีเป้าหมายในการสร้าง “ระเบิดนิวเคลียร์” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เตหะรานยืนกรานปฏิเสธ

ผลของข้อตกลงนี้ ยังจะทำให้อิหร่านได้รับเงินนับหมื่นล้านดอลลาร์ที่ถูกอายัดไว้กลับคืนมา ซึ่งเงินส่วนหนึ่งในจำนวนนี้ถูกอายัดไว้โดยรัฐบาลอังกฤษ ขณะที่บรรดามาตรการคว่ำที่มีต่อธนาคารกลาง บริษัทน้ำมันแห่งชาติ บริษัทชิปปิ้ง และสายการบินของอิหร่าน จะถูกยกเลิกเช่นกัน